TMBAM ยกเลิก2กองบอนด์ แจงไม่เข้าเกณฑ์แบงก์ชาติ (27/03/63)

306

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ในช่วงต้นสัปดาห์กระทรวงการคลังได้มีมาตรการช่วยเหลือกองทุนรวม ที่ได้รับผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงิน แต่ล่าสุดวานนี้ (26 มี.ค.2563) บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง (TMBAM Eastspring) ได้ประกาศยกเลิกกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ เนื่องจากผู้ถือหน่วยลงทุนแห่ไถ่ถอนจำนวนมากเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด พร้อมยกเลิกธุรกรรมที่เกิดขึ้น ในวันที่ 25 มี.ค. 2563 ทั้งหมด

TMBAMสุดอั้นปิด2กองทุนถูกขายหนัก
ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูล พบว่า ในวันที่ 2 มี.ค.2563 กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การลงทุน (AUM) อยู่ที่ 8.04 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 25 มี.ค.2563 ลงมาอยู่ที่ 2.51 หมื่นล้านบาท ส่วนกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ มี AUM ณ วันที่ 2 มี.ค.2563 อยู่ที่ 7.06 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 25 มี.ค.2563 ลงมาอยู่ที่ 3.82 หมื่นล้านบาท

โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ TMBAM Eastspring ระบุว่า ทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว มีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศสูงตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวน (ไม่เกินร้อยละ79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน) ขณะที่วิกฤตไวรัสที่รุนแรงขึ้น ทำให้มีแรงเทขายอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจากผู้ถือหน่วยลงทุน เพื่อถือเงินสดโดยเร็ว

แจงไม่เข้าเกณฑ์ช่วยเหลือจากแบงก์ชาติ
ดังนั้น TMBAM Eastspring จึงจำเป็นต้องปิดกองทุน เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนได้ทยอยขายสินทรัพย์คุณภาพของกองทุนได้ในราคาที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเร่งขาย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหน่วย โดยกำหนดระยะเวลาในการคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วย ภายใน T+5 วันทำการทางผู้จัดการกองทุนจะทำการขายของ (บางส่วน)​ เพื่อคืนเงินใน T+10 วันทำการ ให้แก่ผู้ลงทุนทุกท่าน และจะทำการขายคืนแก่ผู้ลงทุนทั้งหมดภายใน 90 วัน

“นโยบายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีออกมาเพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดเงินเป็นเรื่องที่ดี แต่ 2 กองทุนดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายเกณฑ์การช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ และตลาดมีความผันผวนสูง ทำให้เกิดความอยากลำบากในการระดมสภาพคล่อง แม้จะเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับลงทุนได้ (Investment Gread) แต่ก็มีการล็อคเวลา การปิดกองทุนจึงน่าจะดีกว่า  อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่ากองทุนอื่นๆ ของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบดังเช่น2กองทุน และยังมีความแข็งแกร่งสามารถเข้าลงทุนได้” ดร.สมจินต์

กูรูย้ำกองอื่นในตลาดยังแข็งแกร่ง
ด้านนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า 2 กองทุนที่มีปัญหาดังกล่าว เป็นกองที่ถือตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนสูงไม่เกิน 79% และเป็นกองที่ถือหุ้นกู้เอกชนค่อนข้างมาก 70-80% ของ NAV โดยเฉพาะธนไพบูลย์ที่สัดส่วนการลงทุน 4 อันดับแรกเป็นหุ้นกู้ต่างประเทศทั้งหมด และถือหุ้นกู้ 80% (3) ผลตอบแทน YTD เป็นลบทั้งคู่ ตรงข้ามกับกองทุนส่วนใหญ่ที่เป็นบวก

เบื้องต้นจากการตรวจสอบกองทุนตราสารหนี้ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ทั้งหมด ยังไม่พบความผิดปกติเหมือน 2 กองนี้ จึงไม่อยากให้นักลงทุนกังวลกับกลไกการทำงานของตลาดตราสารหนี้และกองทุนรวม และคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อ SET INDEX ในระยะสั้นนี้เช่นกัน

www.mitihoon.com