ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลงแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ผิดคาด ทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของ SET index เปลี่ยนไปจากที่คาด อย่างไรก็ดีจากประเด็นข่าวมาตรการการเงินและการคลังของหลายประเทศที่ออกมาเพื่อบรรเทาปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (โดยเฉพาะสหรัฐฯ, ยุโรป, รวมถึงไทย) ทำให้ SET index ฟื้นตัวได้ในช่วงระหว่างสัปดาห์ เราประเมินข่าวบวกเรื่องมาตรการการเงินและการคลังประกาศออกมาครบถ้วนแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงที่สัปดาห์นี้จะขาดปัจจัยบวกกระตุ้นให้ SET index ปรับขึ้นต่อ
ขณะที่ยังมีปัจจัยลบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสฯที่ดูรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ และเริ่มมีประเด็นข่าวการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมในเอเชียเหนือ (จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) นอกจากนี้ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดประมาณการ GDP ไทยปีนี้ลงเป็น -5.3% ซึ่งต่ำกว่าสมมติฐานหลักของฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่คาด +0.1% (Consensus คาดเฉลี่ยไม่เกิน -1%) จึงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่ นักวิเคราะห์จะการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยลงอีกรอบ จากปัจจุบันที่ฝ่ายวิจัยฯ คาด EPS ของ SET index ปีนี้ไว้ที่ 80 บาท/หุ้น หากใช้สมมติฐานในกรณีเลวร้ายเช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ ประเมินกรณีเลวร้าย หากสถานการณ์การแพร่ระบาดไม่สามารถควบคุมได้ภายในกลางปีนี้ ประเมิน GDP ไทยไว้ว่าจะติดลบ -3%)
ประเมิน SET index มี Upside ที่จำกัดมากขึ้นจากประเด็นข้างต้น แต่ Downside เราประเมินว่าจำกัดเช่นกัน เนื่องจากหุ้นหลายตัวปรับลงมาจนถึงมูลค่า Replacement value (มูลค่ากรณีสร้างโรงงานใหม่ หรือมูลค่าสินทรัพย์) แล้ว คาดกรอบ SET index สัปดาห์นี้ แนวรับ 1,080 จุด และ 1,040 จุด / แนวต้าน 1,020 จุด และ 1,060 จุด ตามลำดับ
ยังคงแนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 จะ Outperform ตลาดฯได้ เช่น กลุ่มสื่อสาร INTUCH, ADVANC และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคาถูกอย่าง EGCO, RATCH, BCPG
www.mitihoon.com