PTG “ทริสเรทติ้ง”เคาะอันดับBBB+ ยิ้มกำไรขึ้นแท่นโตยั่งยืน (31/03/63)

116

มิติหุ้น- PTG ยิ้มร่า “ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับ BBB+  พร้อมให้แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ตอกย้ำสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ครอบคลุม สนับสนุนกำไรเติบโตยั่งยืน

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ PTG อยู่ที่ระดับ BBB+ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่ (Stable)” โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางการตลาดและการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น และความสามารถในการชำระหนี้ในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ตลอดจนเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ครอบคลุม และกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง

ขณะที่เครือข่ายสถานีบริการ “PT” ยังมีการเติบโตส่งผลให้สถานะทางการตลาดของบริษัทแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2562 ทาง PTG มีสถานีบริการรวมทั้งสิ้น 2,027 แห่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 มีสถานีบริการรวมทั้งสิ้น 1,883 แห่ง ทำให้บริษัทมีจำนวนสถานีบริการมากเป็นอันดับ 2 นอกจากจำนวนสถานีบริการที่เติบโตแล้ว PTG ยังมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เติบโตสูงสุดในอุตสาหกรรม โดยในปี 2562 PTG มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวม 4,681 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 19.4% จากปีก่อน ส่งผลให้ PTG มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15.6%

ยอดจำหน่ายน้ำมันโตแกร่ง
นอกจากนี้ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างน้อยประมาณ 6-7% ต่อปี และประมาณการค่าการตลาดในภาพรวมของบริษัทที่ระดับประมาณ 1.70 บาทต่อลิตร ทำให้คาดว่าในช่วงปี 2563-2565 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 5,900 – 6,200 ล้านบาทต่อปี

อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ Non-oil ให้เป็น 20% ภายในปี 2563 ขณะเดียวกันหนึ่งในธุรกิจ Non-oil ที่บริษัทได้ลงทุนคือ “โครงการปาล์มน้ำมันครบวงจร” (Palm Complex) โดยถือหุ้น 40% ซึ่งมีกำลังการผลิตไบโอดีเซล B100 ที่ระดับ 5 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ช่วงปี 2561

อย่างไรก็ตามในระหว่างปี 2561-2562 โครงการยังใช้กำลังการผลิตได้ไม่เต็มกำลัง แต่ได้มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถดำเนินการได้เต็มกำลังการผลิตในช่วงปลายปี 2562  นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายในการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลให้มากขึ้น จึงคาดว่าอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันไบโอดีเซล B100 จะมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ดังนั้นคาดว่าในช่วงปี 2563-2565 โครงการปาล์มน้ำมันครบวงจรจะมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จะส่งผลกดดันยอดขายของบริษัทในระยะสั้น และการแพร่ระบาดที่ส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจไทยบางส่วน ซึ่งอาจจะกดดันการเติบโตของการบริโภคน้ำมันของประเทศในภาพรวมในปี 2563 และทริสเรทติ้งมองว่าการบริโภคน้ำมันจะกลับมาเติบโตในระดับปกติอีกครั้งในปี 2564

www.mitihoon.com