กลุ่มพลังงานเสี่ยงต่อ สงครามน้ำมันยังไม่จบ

484

มิติหุ้น-จากกรณีราคาน้ำมันโลกดิ่งลงหลุด 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเมื่อวานนี้(30/03/63) หลังมีความเคลื่อนไหวของซาอุดิอาระเบีย ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตอีกเป็น 13 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิม อยู่ที่ 12 ล้านบาร์เรล/วัน แต่หลังจากนั้นมีรายงานข่าวว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดี สหรัฐยกหูด่วนถึง “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธาาธิบดีรัสเซีย จนล่าสุดราคาน้ำมันก็โลกก็ขยับขึ้นมาล่าสุดอยู่ที่ 21.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ด้านบทวิเคราะห์บล.กสิกรไทยระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอาจจะมีการปรับลดประมาณการกลั่นลงในอนาคตเรายังคงมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มพลังงานเนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสและสงครามน้ำมันยังเป็นปัจจัยฉุดอัตรากำไรของกลุ่มพลังงานลงอย่างมีนัยยะสำคัญเรายังคงมองเป็นกลางต่อกลุ่มปิโตรเคมีแม้วัฏจักรของกลุ่มยังคงอยู่ในช่วงขาลง ต่อเนื่องก็เพราะคาดว่ากลุ่มผู้ผลิตมีปิโตรเลียมเคมีกลุ่มผู้ผลิตปิโตรเคมีจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากกว่าจากสภาวะราคาน้ำมันเช่นนี้

Investment ไฮไลท์

คาดว่าการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้ผู้ประกอบการลดปริมาณการผลิตลงทั่วโลก เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงอย่างมากของผลิตภัณฑ์นมันสำเร็จรูป ซึ่งคาดว่ากลุ่มโรงกลั่นไทยสามารถรักษาระดับการผลิตไปได้อีกไม่นาน

โรงกลั่นที่ผ่านพ้นวิกฤตไปได้มีโอกาสที่จะรับประโยชน์จาก GRM ที่สูงขึ้น ซื้อผู้ประกอบการดังกล่าวจะต้องมีช่องทางจำหน่ายน้ำมันหรือมีถังน้ำมันที่เพียงพอ

3 ปัจจัยกำหนดการจะเป็นผู้อยู่รอดคนสุดท้าย คือ

  1. เข้าถึงอุปสงค์/สัญญาขายน้ำมัน

2.จำนวนถังน้ำมัน(oil tank)

3.ดัชนี Nelson complexity Index (NCR) คือ ดัชนีที่ใช้เปรียบเทียบกำลังการผลิตของหน่วยปรับโมเลกุลต่อ กำลังการกลั่นน้ำมันดิบ

2 ผู้รอดคือ TOPมีการกลั่นแบบซับซ้อนสูงและเป็นเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC) 3 ลำ และมีสถานะเป็นโรงกลั่นกล่ม PTT และมีสัญญาซื้อขาย PTG

และหุ้น BCP สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ตนผลิตภัณฑ์เครือข่ายได้ 100 %  มีเรือจัดเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ (FSU) และถังน้ำมันขนาดเล็กจำนวนมาก

www.mitihoon.com