กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 32.65-33.15 มองสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ยังเสี่ยง ตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกถดถอย

44

มิติหุ้น-กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-33.15 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 32.99 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  หลังเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 9.2 พันล้านบาท และ 1.0 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์ฟื้นตัวเทียบทุกสกุลเงินหลัก ด้วยแรงหนุนในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย แม้ข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ออกมาย่ำแย่เกินคาดขณะที่ตลาดวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ 6.648 ล้านรายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐฯร่วงลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้สะท้อนความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่จาก COVID-19

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับทิศทางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มมีสัญญาณในเบื้องต้นว่าอาจจะกำลังชะลอตัวลง และในบางประเทศอาจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี คาดว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้าจะยังคงบ่งชี้ถึงผลกระทบรุนแรงจากไวรัส นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC และชาติพันธมิตรในวันที่ เม.ย.ซึ่งคาดว่าอาจมีข้อตกลงในการปรับลดปริมาณการผลิตราว 10-15 ล้านบาร์เรลต่อวัน อนึ่ง ในภาพรวม เราประเมินว่านักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่กลับเข้าซื้อสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ในระยะนี้ และตลาดการเงินโลกจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนตามกระแสข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประสิทธิผลของมาตรการปิดเมืองรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางด้านการเงินและการคลัง

สำหรับปัจจัยในประเทศ จุดสนใจจะอยู่ที่รายละเอียดของการเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 และมาตรการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจชุดที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราว 10% ของจีดีพี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำเสนอให้ครม.พิจารณาในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามการจัดสรรงบประมาณและโครงสร้างการกู้เงินของภาครัฐรวมถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะขออนุมัติการออกกลไกดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อให้ธปท.สามารถซื้อตราสารหนี้ที่ครบกำหนด Roll over ได้ นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาแนวโน้มการยกระดับเคอร์ฟิวหากสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยขยายวงมากขึ้น

www.mitihoon.com