GPI เปิดเกมรุกแตกไลน์ธุรกิจครั้งใหญ่ เข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะของทรูเอ็นเนอร์จี

284

มิติหุ้น- GPI เข้าลงทุนครั้งใหญ่ในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนโดยใช้เชื้อเพลิงขยะแปรรูป (RDF) กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ ในจังหวัดนครสวรรค์ หลังเข้าลงนามในสัญญาซื้อหุ้น 25.45% ในบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด หนุนผลการดำเนินงานในอนาคตที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้า และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ด้าน ‘ทรูเอ็นเนอร์จี’ คาดโรงไฟฟ้าเริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3/2563 พร้อมมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและได้รับ Adder อัตรา 3.50 บาทต่อหน่วย (Kwh) ระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้า

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ (MW) ในอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ จำนวนทั้งสิ้น 7 แสนหุ้นหรือคิดเป็น 25.45% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของทรูเอ็นเนอร์จี โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 250 ล้านบาท ซึ่งมีแหล่งเงินมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และจะส่งผลให้ทรูเอ็นเนอร์จี มีสถานะเป็นบริษัทร่วมของ GPI

การเข้าลงทุนครั้งนี้คาดว่าใช้ระยะเวลาคืนทุน 5 ปี และนับเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งใหญ่ของ GPI  หลังจากได้พิจารณาโอกาสการลงทุนในธุรกิจต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ทั้งสิ้นปีละประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทฯที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น 25.45% ในธุรกิจโรงไฟฟ้าดังกล่าว จากปัจจุบันที่รายได้หลักของ GPI กว่า 80% มาจากกลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เช่น งาน Bangkok International Motor Show

 “ปัจจัยที่บริษัทฯ ตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะมองว่าโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF เป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอนและมีความสม่ำเสมอในระยะยาว เนื่องจากมีการทำสัญญาขายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ชัดเจน ประกอบกับทรูเอ็นเนอร์จีเป็นผู้ประกอบการที่มีเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการธุรกิจเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังใช้เชื้อเพลิงที่มาจากการแปรรรูปขยะชุมชน เป็นการช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” นายพีระพงศ์ กล่าว

นายจำรัส เตชะนิธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูเอ็นเนอรจี จำกัด ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงRDF กล่าวว่า หลังจาก GPI เข้าถือหุ้นในบริษัทฯ จะช่วยเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินแก่ทรูเอ็นเนอร์จี โดยบริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 และได้ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF ในอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ โดยนำขยะชุมชนมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ในการผลิตกระแสไฟฟ้า

ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีความคืบหน้าการก่อสร้างกว่า 95% คาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date) ภายในไตรมาส 3/2563 โดยมีสัญญซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับ Adder หรือส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าในอัตรา 3.50 บาทต่อหน่วย (Kwh) เพิ่มจากค่าไฟฐานเป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้า  หลังจากนั้นราคารับซื้อจะเป็นตามราคารับซื้อพื้นฐานและนโยบายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้ ทรูเอ็นเนอร์จี ได้ทำสัญญารับกำจัดขยะโดยวิธีคัดแยกกับเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ มีอายุสัญญา 25 ปี (นับจาก 12 พฤศจิกายน 2558) เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า จากการประเมินปริมาณขยะจากบ่อฝังกลบของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ พบว่ามีปริมาณขยะจากบ่อฝังกลบ 3 แห่งรวมประมาณ 5 แสนตัน ในจำนวนนี้ประมาณ 70% สามารถนำมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเมื่อรวมกับปริมาณขยะที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต มั่นใจว่าจะมีปริมาณขยะเพียงพอต่อการแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ตลอดอายุสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า และได้วางแผนจัดหาแหล่งขยะอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ได้วางมาตรการป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่สอดคล้องกับเงื่อนไขและข้อกำหนดตามประมวลหลักการปฏิบัติ หรือ Code of Practice (COP) เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง เช่น การออกแบบอาคารเป็นระบบปิด, ติดตั้งปล่องระบายมลพิษทางอากาศที่มีความสูงตามหลักเกณฑ์ Good Engineering Practice

www.mitihoon.com