SETมีลุ้นตีคืน1,350จุด อยากปั้นกำไรต้องมี‘ซูเปอร์สตาร์’

170

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ. กสิกรไทย หรือ KAsset เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ ยังคงมีความผันผวนสูง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกว่า 50% จากต้นปี ซึ่งล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยเหลือ -5.3% ซึ่งนับเป็นอัตราการหดตัวที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2541

โควิดคลายQ2-มีลุ้นหุ้นไทยฟื้น

อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเริ่มมีกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย หลังจากที่ตั้งแต่ต้นปีมียอดขายสุทธิกว่า 121,000 ล้านบาท จึงมองเป็นสัญญาณบวก ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถคลี่คลายลงได้ภายในไตรมาสที่ 2 คาดว่าอาจเห็นดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,350 จุดได้ภายในปีนี้ จากสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูงและการคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรในปีหน้า

นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิดเค ซูเปอร์สตาร์ เพื่อการออมพิเศษ (K-SUPSTAR-SSFX) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา ปรากฎมีการตอบรับที่จากผู้ลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน K PLUS และ K-My Funds ทั้งนี้ คาดว่าในอีก 2 วันสุดท้ายก่อนที่จะหมดช่วง IPO คือในวันที่ 9 – 10 เม.ย. 63 จะยังคงมีเม็ดเงินทยอยไหลเข้ากองทุนมาอย่างต่อเนื่อง

ย้ำจุดเด่นกองทุนเค ซูเปอร์สตาร์

สำหรับกองทุน K SUPERSTAR SSFX จัดเป็นกองทุน SSF แบบพิเศษ ที่มีระยะเวลาเสนอขายเพียง 3 เดือนเท่านั้น โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 63 เพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้เพิ่มขึ้นอีก 200,000 บาท (ไม่รวมกับวงเงินซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน SSF แบบปกติ) และต้องถือครอง 10 ปี นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน

ในจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่เข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากจากต้นปี และต่ำสุดในรอบ 8 ปี จึงเหมาะแก่การทำกำไรในระยะยาว

กองทุน K SUPERSTAR SSFX จะเปิดเสนอขายในช่วง IPO หน่วยละ 10 บาท จนถึงวันที่ 10 เม.ย.นี้ และจะเปิดเสนอขายอีกครั้งในวันที่ 15 เม.ย.เป็นต้นไป ดังนั้น หากผู้ลงทุนไม่อยากพลาดโอกาสลงทุนในหุ้นไทยในจังหวะนี้ การเริ่มเข้าซื้อในช่วง IPO ทำให้มีโอกาสได้ลงทุนก่อน โดยกองทุน K SUPERSTAR SSFX จะเน้นลงทุนในหุ้นไทยไม่ต่ำกว่า 65%

ใช้กลยุทธ์เด็ดทำกำไรระยะสั้น-ยาว

โดยคัดเลือกหุ้นของบริษัทชั้นนำที่มีความมั่นคง สามารถเติบโตได้ในทุกสภาวะตลาด บริหารโดยใช้กลยุทธ์ Tactical Trading ที่ผู้จัดการกองทุนจับจังหวะซื้อขายหุ้นเพื่อทำกำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สร้างโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในรูปของเงินปันผลไม่เกิน 4 ครั้ง/ปี

อีกทั้งยังใช้รูปแบบการบริหารจัดการเหมือนกับกองทุน K-STAR-A(R) ซึ่งทำผลงานได้โดดเด่นติดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มี.ค. 63) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นไทยที่มีศักยภาพสูง การันตีด้วย 3 รางวัลยอดเยี่ยมจาก Morningstar Awards 2020 จากการบริหารกองทุนหุ้นไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการกองทุนหุ้นไทย ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และสามารถเอาชนะตลาดในระยะยาวได้

www.mitihoon.com