ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เลื่อนจัดประชุมผู้ถือหุ้น เลี่ยงสถานการณ์ COVID-19  จ่อชงบอร์ดปันผลระหว่างกาล 0.0535 บาท/หุ้น 27 เม.ย.นี้ ตามมติเดิม  

83

มิติหุ้น – บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป  มีมติเลื่อนจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมเตรียมประชุมคณะกรรมการ วันที่ 27 เม.ย. นี้ เพื่อพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.0535 บาท พร้อมย้ำผู้ถือหุ้น บริษัทฯ ยังคงมีมติการจ่ายปันผล ตามแผนเดิม  

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป  ผู้นำธุรกิจแบบครบวงจร ด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้พิจารณาความจำเป็นในการจัดกิจกรรมที่เป็นการรวมกลุ่มกันของคนหมู่มาก เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค แม้ว่าบริษัทฯ ได้เตรียมมาตรการคัดกรองเพื่อความปลอดภัยของผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเลื่อนวันและวาระการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 27 เมษายน 2563 โดยบริษัทฯ จะพิจารณากำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่เหมาะสมใหม่ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย

ทั้งนี้แม้ว่าจะมีการเลื่อนประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ของบริษัทฯ ออกไปไม่มีกำหนด แต่หากสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว คณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณากำหนดวันประชุม และระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 รวมทั้งพิจารณาวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 (Record Date) ขึ้นใหม่ และจะกำหนดแจ้งวันให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป ส่วนการเลื่อนการประชุมในครั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ภายในวันที่ 27 เมษายน 2563 นี้ จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามเงื่อนไขเช่นเดียวกับการจ่ายเงินปันผลประจำปีที่ได้แจ้งไว้ในการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.0535 บาท เพิ่มเติมจากการจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.0815 บาทต่อหุ้น ในเดือนธันวาคม 2562

ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับปัญหาโรคระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และวางแผนงานรองรับไว้อย่างระมัดระวัง เชื่อว่าภาพรวมในครึ่งปีแรกของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าว ดังนั้นผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องปรับ กลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะพลิกฟื้นขึ้นมาหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2563 นั้น ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจหลัก ๆ ของบริษัทฯ โดยมุ่งขยายธุรกิจทั้งในประเทศและ ต่างประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น ทั้ง 4 ธุรกิจ ประกอบด้วย

ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ในปี 2563 ตั้งเป้ายอดเช่าอาคารไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,560,000 ตารางเมตร นอกเหนือจากพื้นที่คลังสินค้าที่มีอยู่ในประเทศไทยและอินโดนีเซียแล้ว บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในเวียดนามด้วย นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ราว 150,000 ตร.ม.

ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ (WHAID) อยู่ระหว่างพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 11 ของกลุ่ม (นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36) ในช่วงปลายปี 2563  และขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 แห่งภายในปี 2566  ส่วนเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีแผนเร่งเพิ่มยอดขาย โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 2563  ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 1,400 ไร่

ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) จะเน้น High Value Product เช่น Reclamation  Water และ Demineralized Water รวมถึงเสริมพอร์ทด้านพลังงานด้วยนวัตกรรมโซลูชั่นพลังงาน เช่น Smart Microgrid, Peer-to-Peer Energy Trading และ Energy Storage ในขณะที่ธุรกิจการให้บริการโซลาร์รูฟ ท็อป บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับลูกค้าทั้งในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ และนอกนิคมฯ  จำนวน 31 เมกะวัตต์ ในปี 2563 จากปัจจุบันที่มีการเซ็นสัญญาไปแล้วกว่า 35 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าปี 2563 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 591 เมกะวัตต์

ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ตั้งเป้าสนับสนุนการดำเนินงานทุกรูปแบบในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานสำหรับดิจิทัล รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล  ช่วงปลายปี 2563 จะมีการติดตั้งไฟเบอร์ออฟติก (FTTx) ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งจากทั้งหมด 10 แห่งในประเทศไทย

www.mitihoon.com