AMATA เผยโควิด-19 ภาพลงทุนปี’63เปลี่ยน เสถียรภาพรัฐบาลและนโยบายลงทุนดึงเชื่อมั่น

168

 

มิติหุ้น-“อมตะ” ประเมินภาพการลงทุนปี’63 เปลี่ยน!! ขึ้นอยู่กับระยะเวลาควบคุมวิกฤติโควิด-19ของแต่ละประเทศ  เสนอรัฐบาลเร่งปรับตัวพลิกฟื้นการบริโภคภายในก่อนพึ่งตลาดส่งออก ควบคู่กับการสร้างเสถียรภาพของรัฐบาล เพื่อสร้างความได้เปรียบดึงการลงทุนหลังแนวโน้มการตัดสินใจเลือกลงทุนเปลี่ยนไป หวั่นประเทศเพื่อนบ้านงัดสิทธิประโยชน์ ค่าแรงต่ำ ใช้เป็นแม่เหล็กดึงทุนต่างชาติไหลเข้าเพิ่ม

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า   จากผลกระทบของการระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19 ) คาดว่าจะส่งผลให้ภาพของการลงทุนและการผลิตทั่วโลกจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหลังจากที่ประเทศส่วนใหญ่สามารถควบคุมได้ จะทำให้เกิดการตัดสินใจการย้ายฐานการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น แต่พื้นที่ที่จะเลือกลงทุนของนักลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ(FDI)จะมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยนักลงทุนจะมองเรื่อง
ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลและนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนมากขึ้น

“ การเลือกพื้นที่การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศจะมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป ด้วยปัจจัยต่างๆ
แต่ละประเทศมีความพร้อมที่จะเปิดรับการลงทุน ทั้งในด้านสิทธิประโยชน์ แรงงาน และนโยบายของรัฐบาล ที่มีความชัดเจนในการเปิดรับนักลงทุนต่างประเทศ  ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว กัมพูชาและเมียนร์ม่า ซึ่งไทยแม้ว่าจะได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ แต่อาจจะไม่ใช่คำตอบของนักลงทุนทั้งหมด
เพราะการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในระยะต่อไปจะขึ้นอยู่กับการมีเสถียรภาพของรัฐบาลและนโยบายการส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนควบคู่ไปด้วย” นายวิบูลย์กล่าว

ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องเร่งออกนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ภายหลังการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้แล้ว โดยเริ่มต้นจากการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น ดังนั้นนโยบายรัฐบาลที่ได้ออกมาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยประคองระบบเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะไทยคงไม่สามารถพึ่งพาตลาดส่งออกในระยะแรก เนื่องจากแต่ละประเทศจะต้องใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดที่อาจจะสำเร็จไม่พร้อมกัน  ขณะเดียวกันจำเป็นต้องมีการยกระดับรายได้ของภาคเกษตร เพราะเป็นพื้นฐานการบริโภคที่สำคัญ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ  ซึ่งระดับรายได้เฉลี่ยของคนไทยในปัจจุบันอยู่ที่ ระดับ 9,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่สูงมากนัก

ในส่วน อมตะฯ มีแผนสำหรับรองรับกับเปลี่ยนแปลงของภาพการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อันใกล้ ทั้งในเรื่องของพื้นที่รองรับการลงทุนที่มีอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะชิตี้ ชลบุรี และ นิคมฯอมตะชิตี้ ระยอง ที่ปัจจุบันมีอยู่ที่ 14,000 ไร่ แต่รูปแบบการเปิดรับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุน อมตะจะพิจารณาความต้องการของนักลงทุนอย่างถี่ถ้วนในการเข้ามาใช้พื้นที่ตามเงื่อนไขของนักลงทุนทั้งการชื้อและเช่าที่ดิน เนื่องจากนักลงทุนยังให้ความสนใจในการเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อการลงทุนในระยะยาวในนิคมฯของกลุ่มอมตะอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันทำให้การเข้ามาของนักลงทุนเกิดการชะลอตัว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งนับว่าเป็นจังหวะเดียวกับช่วง Low season ของกลุ่มบริษัท อมตะที่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในช่วงไตรมาส 1-2 ของทุกปี

อย่างไรก็ตามในช่วงภาวะวิกฤติครั้งนี้ บริษัท อมตะ ยังคงมีการติดต่อกับนักลงทุน โดยใช้ระบบเทคโนโลยีด้านสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารข้อมูลเบื้องต้นกับกลุ่มลูกค้าและนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น  Video Conference  E-Mail เพื่อให้มีความต่อเนื่องในการทำตลาดในช่วงนี้ ก่อนที่นักลงทุนจะสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อศึกษาพื้นที่จริง และตัดสินใจเข้ามาลงทุนต่อไป

www.mitihoon.com