ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังอยู่ในกรอบที่เราประเมินคือไม่เกิน 1,300 จุด เนื่องจาก Valuation ของดัชนี SET index อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างแพง และอาจไม่คุ้มเสี่ยงกับสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ที่ระดับ PE ในปัจจุบัน เราประเมินสัปดาห์นี้ SET index จะยังคงผันผวนโดยมีโอกาสพักฐานหากต่ำกว่า 1,200 จุด ประเมินจะมีแนวรับถัดไป 1,180 จุด และ 1,160 จุด ตามลำดับ หากยังสามารถ Sideway ยืนแนวรับจิตวิทยาที่ 1,200 จุดได้ ประเมินกรอบแนวต้าน 1,250 จุด และ 1,300 จุด ตามลำดับ โดยประเด็นที่ต้องติดตามคือ i) การทยอยรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทย 1Q63 โดยจะเริ่มทยอยรายงานที่หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะอ่อนแอ ii) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังปรับลงต่อเนื่อง แม้ทางกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ (OPEC+) จะตกลงทำการลดกำลังการผลิตน้ำมัน ตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป และ iii) ความคืบหน้าเรื่องสถานการณ์ โควิด-19 ที่ตอนนี้ตลาดฯให้ความหวัง เรื่องของสถานการณ์ที่ดีขึ้น และมีโอกาสที่หลายประเทศ (รวมถึงไทย) จะเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้ รวมทั้งประเด็นข่าวสารเรื่อง ยารักษาโควิด-19 หลังจากสหรัฐฯ รายงานว่าการทดสอบขั้นที่ 3 ของยาชื่อ Remdesivir พบว่ามีประสิทธิภาพมากในการรักษาคนไข้อาการหนัก และสามารถแก้ปัญหาระบบทางเดินหายใจได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เราแนะนำปรับการลงทุนเป็น “การเก็งกำไรสั้น” มากขึ้น และมีวินัยในการกำหนดจุด Stop loss ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เนื่องจาก Valuation ตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมาแพงอีกครั้ง และยังคงแนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 จะ Outperform ตลาดฯได้ เช่น กลุ่มสื่อสาร (INTUCH, ADVANC), กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO, RATCH, BCPG), หุ้น Medium – small cap (JMART, RS, EPCO), และหุ้นกลุ่มอาหารอย่าง CPF, TFG (ธีมหุ้นปัจจัย 4) เป็นต้น
โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
www.mitihoon.com