มิติหุ้น – MAJOR โบรกฯ ชี้กำไรฉายแววฟื้นตัวครึ่งปีหลัง จากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ส่วนกำไรปีหน้าโตเด่นหลังหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายปกติ ฟาก “วิชา พูลวรลักษณ์” ยันไร้กังวลปัญหาสภาพคล่อง ปรับโหมดรุกดิลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป หรือ MAJOR ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ และธุรกิจบริการสื่อโฆษณาครบวงจร โดยนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ประเมินว่า แนวโน้มกำไรจะอยู่ในครึ่งหลังปี 63 เป็นหลัก หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายดีขึ้น ซึ่งคาดรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 6,582 ล้านบาท และกำไรจะอยู่ที่ 558 ล้านบาท และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นในปี 64 หลังภาพยนตร์กลับมาฉายตามปกติ ส่วนราคาปัจจุบันที่ปรับตัวลงมากเทียบกับราคาพื้นฐานยังพอมี upside อยู่ ปรับคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ”
ฐานะการเงินแกร่ง
ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการกลับมาเข้าโรงภาพยนตร์ของผู้ชมฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ทางด้านฐานะทางการเงินไม่น่าห่วง MAJOR มีวงเงินกู้ยังไม่ได้เบิกใช้ 4 พันล้านบาท เพียงพอรองรับกระแสเงินสดจ่ายช่วงปิดโรงภาพยนต์ 1-2 เดือนนี้ ส่วนราคาหุ้นสะท้อนผลกระทบแล้วเช่นกัน ดังนั้นแนะนำ NEUTRAL ราคาเป้าหมาย 16 บาท
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร เผยว่า บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ช่วงนี้จะต้องปิดโรงภาพยนตร์ทุกสาขาเป็นการชั่วคราว และธุรกิจ MAJOR เป็นลักษณะการแชร์รายได้ให้กับศูนย์การค้าเพื่อเป็นค่าเช่า นอกจากนี้ทางศูนย์ฯก็ได้ยกเว้นค่าเช่าให้กับร้านค้า รวมถึงโรงภาพยนตร์ด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างพนักงาน ปัจจุบันคิดเป็น 8% ของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทำให้บริษัทยังมีสภาพคล่องที่ดีอยู่ จาก EBITDA อยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาท และมีอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันอยู่ที่ระดับ A
รุกบริการเดลิเวอรี่
นอกจากนี้ ในช่วงปิดโรงหนังชั่วคราวบริษัทได้รุกเปิดให้บริการสั่งซื้อป๊อปคอร์น กลับบ้านผ่านแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารออนไลน์ ในชื่อ “Major Delivery” โดยได้ร่วมกับ ผู้ประกอบธุรกิจ Food Delivery อาทิ Grab Food, LINE MAN X Wongnai และ FOOD PANDA พร้อมจัดส่งป๊อปคอร์นสดใหม่จากโรงภาพยนตร์ส่งตรงให้รับประทานได้ถึงบ้าน
www.mitihoon.com