มิติหุ้น-ภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย PPE ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ยอมรับว่า ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 อุปกรณ์ป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล อาจจะเคยรู้จักกันแค่ในกลุ่มคนที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม หรือพนักงานในโรงงานเท่านั้น เพราะทรัพยากรสำคัญที่สุดในสายการผลิตก็คือพนักงาน ดังนั้น หากพนักงานเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุจากการทำงานจนถึงขั้นหยุดงาน หรือรุนแรงถึงขั้นสูญเสียชีวิต ก็จะส่งผลกระทบต่อความสูญเสียของผลิตภัณฑ์ รายได้และธุรกิจ
“ดังนั้น ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมจึงใช้ PPE เพื่อการป้องกันพนักงานในการปฏิบัติงานในทุกๆ วันมาโดยตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็นหมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย อุปกรณ์ป้องกันทางเดินหายใจ หรือรองเท้านิรภัยหัวเหล็ก เป็นต้น และนั่นทำให้ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการป้องกันมากกว่าการรักษา เราจึงมีมักเห็นสโลแกน “Safety First” หรือ “ปลอดภัยไว้ก่อน” ในโรงงานอุตสาหกรรมเสมอ” ภูวสิษฏ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ PPE ไม่ได้จำกัดอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำของทุกคนมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ความจำเป็นของบุคลากรทางแพทย์ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย จนมาถึงประชาชนทั่วไปที่หันมาให้ความสำคัญและตระหนักถึงความจำเป็นของอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคลเหล่านี้เพิ่มขึ้น
“ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาเราหละหลวมและอาจจะเห็นความสำคัญของ PPE น้อยเกินไป เช่น ในไซท์งานก่อสร้างบางแห่ง คนงานก็ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยอย่างเต็มที่เท่าที่ควรจะเป็น หรือแม้ว่าการใช้ชีวิตทั่วๆ ไป ที่เราควรจะสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นโดยเฉพาะสำหรับคนเมืองเมื่อออกนอกบ้าน หรือเรื่องง่ายๆ เช่น การละเลยที่จะพกร่มติดตัวเวลาออกจากบ้านในฤดูฝน ดังนั้น เราจึงเชื่อว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้ทัศนคติในเรื่องการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลเปลี่ยนไป ประชาชนจะตระหนักถึงการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีแอล บอกด้วยว่า เมื่อความต้องการสูงขึ้น การแข่งขันทางธุรกิจสินค้า “เซฟตี้ โปรดักส์” ก็ย่อมเพิ่มขึ้น แต่สำหรับแบรนด์ “แพงโกลิน” ที่อยู่ในตลาดมานานเกินกว่า 3 ทศวรรษแล้ว ทำให้มั่นใจว่า “แพงโกลิน” ยังมีความสามารถในการแข่งขัน นอกเหนือไปจากพื้นที่เดิม ซึ่งก็คือ โรงงานอุตสาหกรรมและไซท์งานก่อสร้าง ไปสู่พื้นที่ในการทำตลาดใหม่ นั่นคือ ตลาดดูแลรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะโรงพยาบาล และตลาดของผู้บริโภคทั่วไป
สำหรับอุปกรณ์ PPE ที่จำเป็นและครอบคลุมการใช้งานของทั้ง 2 กลุ่มนั้น แบ่งเป็นบุคคลทั่วไป ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย หน้ากากมาตรฐาน N95 และกระบังป้องกันหน้าหรือ Face shield สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางแพทย์ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ประกอบด้วย หน้ากากอนามัยที่ได้รับการรับรองเช่น N95,FFP2 ชุดคลุมศีรษะและอุปกรณ์พัดลมกรองอากาศ แว่นครอบตาหรือกระบังป้องกันหน้า ถุงมือยาง รองเท้าบูท และชุดหมีป้องกันอนุภาคเชื้อโรคของเหลว สารคัดหลั่ง ที่จะช่วยป้องกันผิวหนังและเสื้อผ้า ไม่ให้ปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งต้องได้รับมาตรฐานที่ระบุว่า ป้องกันสารคัดหลั่งทางการแพทย์ เป็นชุดที่ใส่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้นำกลับมาใส่ซ้ำหรือนำมาซักล้างใหม่ เพราะจะเกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคได้
“ในแง่ธุรกิจ ต้องยอมรับว่า ทั้งสองพื้นที่นี้ ถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ของแพงโกลิน แต่ด้วยประสบการณ์ที่เราอยู่ในตลาดมายาวนาน บวกกับความรู้และความเชี่ยวชาญที่เรามีศูนย์อบรมด้านความปลอดภัย เพื่อจัดส่งพนักงานของเราออกไปให้คำปรึกษากับหน่วยงานต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้เรามั่นใจว่า แพงโกลินยังเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ อุปกรณ์ PPE ทุกประเภท ไม่ว่าจะในส่วนที่บริษัทฯ ผลิตเอง หรือนำเข้ามาจำหน่าย จะผ่านการคัดเลือกด้านมาตรฐานการใช้งาน โดยมีตรวจสอบอย่างเข้มข้นก่อนส่งถึงมือผู้บริโภคเสมอ”
ดังนั้น จุดที่ต้องย้ำเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวัง ก็คือ เมื่อโลกของเซฟตี้ โปรดักส์ เปลี่ยนไป ความต้องการใช้มีมากขึ้น ก็อาจจะมีสินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ ราคาถูก แต่ไม่มีคุณภาพหรือคุณภาพต่ำเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น ซึ่งนอกจากไม่สามารถป้องกันความปลอดภัยได้ตามมาตรฐานแล้ว ยังอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อีกด้วย
www.mitihoon.com