ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า จากจุดเด่นในเรื่องของการจ่ายปันผลสูงของกลุ่มกอง REITหรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ทำให้ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวต่ำ บวกกับตลาดหุ้นผันผวนหนัก ผู้ลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจลงทุนมากขึ้น เพราะมองเป็นแหล่งพักเงินลงทุนที่ได้ผลตอบแทนชั้นเยี่ยมแถมมีความสม่ำเสมอ
อัตราผลตอบแทนยั่วใจ5-7%
ในมุมของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในรายงานว่า กอง REITs และกองทุน IFF กลับมาได้รับความนิยมสูง เนื่องจากจ่ายปันผลได้สูงมากในอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5-7% เทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่อยู่ราวเพียง 1% เศษ
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของดัชนีกลุ่ม REITs และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ถึงปัจจุบัน (QTD) เป็น 13% ถือว่าต่ำกว่า SET ที่เพิ่มขึ้น 15% แต่ทีมกลยุทธ์เห็นว่าหลักทรัพย์กลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจ เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมาก ในยามที่ตลาดฯมีความผันผวนสูงมาก
DIF-AIMIRTของดีต้อง“ซื้อ”
ดังนั้น จึงแนะนำลงทุนใน DIF และ AIMIRT โดยแนะนำ “ซื้อ” DIF ราคาพื้นฐาน 18.80 บาท ด้วยกองทุนมีสิทธิบริหารสินทรัพย์เฉลี่ยเหลือยาวถึง 19
ปี และมีผู้เช่าหลักของกองทุนคือกลุ่ม TRUE จึงมีความมั่นคงสูง คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูงเป็น 6.9% จ่ายทุกไตรมาส
ส่วน AIMIRT ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 14.60 บาท จากแนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่ง เนื่องจากมีส่วนรายได้ที่ได้รับการประกันไว้แล้วด้วยสัญญาเช่าระยะยาว และมีศักยภาพที่จะซื้อสินทรัพย์ใหม่เข้ามาบริหารเพิ่มอีก คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูงเป็น 7.3%
BTSGIFปันผลสุดเริ่ด8.8%
ในส่วนของกองทุน IFF ความน่าสนใจที่มองข้ามไม่ได้คือ BTSGIF โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า BTSGIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ผันผวนต่ำ มีความโดดเด่นทางพื้นฐานจาก ราคาหุ้น ณ ปัจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีอยู่มากถึง 27% พร้อมกับคาดหวังปันผลได้สูงถึง 8.8% ต่อปี (ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์)
ฝ่ายวิจัยยกให้เป็นหุ้น Defensive ที่ราคา Laggard จากราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนลดจาก NAV ซึ่งอยู่ที่ 10.2213 บาท/หุ้น ถึง 26.13% อีกทั้งมีโอกาสได้กระแสเชิงบวกจากสถานการณ์การระบาด Covid-19 ในประเทศที่เบาบางลง ทำให้จำนวนผู้โดยสารเริ่มเพิ่มขึ้น
www.mitihoon.com