Upside เริ่มจำกัดลงเรื่อยๆ

394

            Valuation ของ ดัชนี SET index ที่เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ โดยมี PE ±17 เท่า แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่ต่ำทำให้ Earnings yield gap  ±5% ยังยืนสูงกว่าค่าเฉลี่ยได้ (ค่าเฉลี่ย ±4.5%) แต่เราประเมินว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่แนวโน้มผลการดำเนินงานหุ้นหลายกลุ่มฯ มีแนวโน้มที่จะอ่อนแอ โดยที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานผลการดำเนินงานโดยรวมลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักๆที่มีผลกับดัชนี SET index เช่น กลุ่มพลังงาน (น้ำมันและปิโตรเคมี) กลุ่มค้าปลีก กลุ่มขนส่ง กลุ่มท่องเที่ยว เป็นต้น น่าจะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ และยังไม่สามารถประเมินว่าผลการดำเนินงานจะกลับสู่ปกติได้ในไตรมาสใด (ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสฯ น่าจะเริ่มควบคุมได้ กิจกรรมทางธุรกิจน่าจะเริ่มกลับมาดำเนินการได้บางส่วนใน 3Q63) ทำให้เราประเมินว่า Earnings yield gap ที่ระดับ ±5% นั้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียงเล็กน้อยและอาจเริ่มไม่คุ้มเสี่ยงกับการถือครองหุ้นในช่วงที่ผลการดำเนินงานน่าจะชะลอตัวลง เราจึงประเมินว่าดัชนี SET index น่าจะเริ่ม Sideway ในกรอบแคบขึ้นเรื่อยๆ และมีโอกาสพักฐาน โดยประเมินแนวรับ 1,250 จุด และ 1,240 จุด ตามลำดับ / แนวต้าน 1,300 จุด และหากดัชนี SET index ต่ำกว่าแนวรับที่ประเมิน ระมัดระวังการพักฐานของดัชนี

อย่างไรก็ดีเราประเมินว่าการพักฐานรอบนี้จะปรับลงไม่แรง เพราะจะเป็นการขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับขึ้นขณะที่ผลการดำเนินงานยังอ่อนแอ หรือ แนวโน้มผลการดำเนินงานมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการฯปีนี้ลง แต่หุ้นที่ผลการดำเนินงานปีนี้ยังทรงตัว หรือยังเติบโตได้ จะยังช่วยพยุงดัชนี อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสาร กลุ่มอาหาร เป็นต้น

เราแนะนำปรับการลงทุนเป็น “การเก็งกำไรสั้น” และมีวินัยในการกำหนดจุด Stop loss ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจาก Valuation ตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมา “ไม่ถูก” อีกครั้ง และยังคงแนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 จะ Outperform ตลาดฯได้ เช่น กลุ่มสื่อสาร (INTUCH, ADVANC), กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO, RATCH, BCPG), หุ้น Medium – small cap (JMART, RS, EPCO), และหุ้นกลุ่มอาหารอย่าง CPF, TFG (ธีมหุ้นปัจจัย 4) เป็นต้น และหากมีการพักฐานแรงสำหรับหุ้นกลุ่มโรงกลั่น (TOP, ESSO) หลังการรายงานผลการดำเนินงาน 1Q63 ที่คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเก็งกำไรอีกครั้ง เพราะแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดรอบนี้

โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

www.mitihoon.com