ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต CFA Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset เปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในสภาวะถดถอยอย่างรุนแรง หลายประเทศทั่วโลกได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการเงินและการคลัง สำหรับเศรษฐกิจของไทยได้รับผลกระทบที่รุนแรงเช่นกัน นำโดยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ต่อเนื่องไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ทำให้มีการประมาณการออกมาอย่างต่อเนื่องถึงตัวเลข GDP ของไทยในปีนี้ที่ถูกมองว่าจะติดลบ -5-6%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปีนี้ยังทำได้ค่อนข้างยาก แต่มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่องสวนทางกับตลาด ทั้งนี้ในมุมมองของ บลจ.กสิกรไทย คาด Earning Growth ของบจ.จะเติบโตติดลบจากปีก่อนหน้าประมาณ 20% และประเมินหากสถานการณ์การระบาดเริ่มคลี่คลายได้ในช่วงไตรมาส 2/63 ผนวกกับการที่ภาครัฐเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้ SET Index ในสิ้นปีนี้ มีโอกาสปรับตัวถึงระดับ 1,350 จุดได้ โดยมองว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสน้่อยที่จะดิ่งลงรุนแรงไปจนถึงระดับต่ำกว่า 1,000 จุด
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนยังคงต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังเพราะดัชนีได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 20% จากระดับต่ำสุดที่ 1,000 จุด และในระยะสั้นยังแนะนำให้ถือเงินสด 10-15% โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีความน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มคอนชูเมอร์ไฟแนนซ์ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มขนส่งทางราง
นอกจากนี้มองว่าฟันด์โฟล์วจากนักลงทุนต่างชาติจะยังไม่กลับเข้าตลาดหุ้นไทย และจากข้อมูลล่าสุดนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ไทย จาก YTD มีการถือครองหุ้นไทยที่ต่ำมากและมียอดขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.3 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามมองว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังไม่ใช่ตัวเลือกในอันดับแรกๆ ของนักลงทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่
www.mitihoon.com