COTTO แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 กำไรเทียบปีลด 4% เตรียมรับมือตลาดหลังโควิด ลุยออนไลน์ เน้นสุขอนามัย ระบบติดตั้ง DIY

215

 

มิิติหุ้น-เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส ปี 2563 เทียบปีก่อนกำไรลด 4% เร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า ชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์  ส่งกระเบื้อง ไฮจีนิค” ตอบโจทย์สุขอนามัย พร้อมแผ่นปูพื้นและระบบติดตั้งอย่างง่ายทำได้เอง

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชนหรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการ เงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ ปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,523 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายลดลง และรายได้จากการขายที่ดินลดลง โดยบริษัท มีกำไรสำหรับงวด 125 ล้านบาท ลดลงร้อยละ ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดินในปีก่อน กำไรจะเพิ่มขึ้นร้อยละ128 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการผลิตได้ดีขึ้น  จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและลงทุนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย   ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลงจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง

รายได้จากการขายในไตรมาสนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เกิดจากยอดขายในประเทศที่ลดลงตามความต้องการของตลาดในประเทศโดยรวม  ในช่วงต้นไตรมาส ปัจจัยลบต่าง ๆ มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งก่อสร้างหดตัวลงตามกำลังซื้อซึ่งเป็นผลของมาตรการ LTV และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ตลอดจนสถานการณ์ภัยแล้ง ฝุ่น ควัน ส่วนในช่วงท้ายไตรมาส เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและ ปัญหาโควิด-19   อย่างไรก็ตาม  ยอดขายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLM โดยรวมสามารถรักษาระดับปริมาณขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน” นายนำพล กล่าว

นายนำพล เปิดเผยว่า ในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทางภาครัฐได้มีการประกาศใช้นโยบายต่าง ๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดในประเทศ มีผลกระทบกับผู้บริโภคและบริษัทฯ ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ใช้ เทคโนโลยีและการสื่อสารออนไลน์เข้ามาช่วยในการทำงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เวปไซต์ www.cottolife.com  เฟซบุ๊กเพจสินค้า ทั้งแบรนด์คอตโต้ คัมพานา และโสสุโก้ รวมถึง คลังเซรามิค  ตลอดจนปรับตัวและปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า โดยบริหารจัดการพนักงานที่ขายหน้าร้านมาเสริมทีมขายออนไลน์ เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้าด้วย

ช่องทางขายออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าให้กับคอตโต้ไลฟ์ โดยเฉพาะช่วงที่มีการล็อคดาวน์ ยอดขายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มาจากการขายสินค้าออนไลน์โดยตรง และจาก Omni-Channel คือ เริ่ม จากออนไลน์นำไปสู่การติดต่อพูดคุย ขายสินค้ากับลูกค้าทางโทรศัพท์  นอกจากนี้ การ Live ขายสินค้าทางเฟซบุ๊กเพจ ของ คลังเซรามิค ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากลูกค้ามีการสั่งซื้อเข้ามาทุกครั้ง ถือได้ว่ายอดขายจากทุกช่องทาง ออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น New High เห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกค้าของเราที่มีพฤติกรรมการใช้ดิจิทัล เทคโนโลยี มีเป็นจำนวนไม่น้อย” นายนำพล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัท ฯ ยังได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปและเร่งพัฒนาตอบสนองให้สอดคล้องและรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์เรื่อง สุขอนามัย ที่จะเป็นเรื่องสำคัญต่อไปในอนาคต หรือเทรนด์ การใช้ ชีวิตติดบ้าน  บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแบบง่ายและสะดวก ได้ด้วยตนเอง

คอตโต้ (COTTO) ได้ใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระเบื้อง Hygienic Tile (ไฮจีนิก ไทล์มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น JIS Z-2801 ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ แบคทีเรียเพื่อตอบรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มีความกังวลและต้องการความปลอดภัยทางด้านสุขภาพ อนามัย  ที่สำคัญ การที่ลูกค้าต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เราจึงได้พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ในการปรับแต่ง พื้นที่แบบง่ายและสะดวกได้ด้วยตนเอง คือ “COTTO Quick” ซึ่งเป็นระบบพื้นกระเบื้องที่ติดตั้งไวและง่าย  ซึ่งลูกค้าสามารถปูเองได้ โดยไม่ต้องใช้กาวซีเมนต์  ล่าสุด ยังได้ออกสินค้าใหม่ คือ แผ่นปูพื้น Smart Flexible by COTTO ที่มาพร้อมระบบคลิกล็อกจากประเทศสวีเดนซึ่งติดตั้งง่ายและสะดวก ลูกค้าสามารถติดตั้งด้วยตนเองได้โดยใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้นสำหรับพื้นที่อยู่อาศัย” นายนำพล กล่าว

ในส่วนของการบริหารต้นทุน บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนงานเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิต ควบคู่ไปกับการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ว่าในภาวะที่บริษัทจะต้องควบคุมต้นทุน การผลิตและค่าใช้จ่าย แต่บริษัท ฯ ยังคงมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานโดยมั่นใจว่าจะสามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์หลังจากนี้และยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในประเทศ ไว้ได้”  นายนำพล กล่าวสรุป

www.mitihoon.com