ผลตอบแทนบิทคอยด์สูงแซงหน้าทองคำ จับตาสองสกุลเงินดิจิตอลจีน และ Libra ตัวเร่งการลงทุนตลาดคริปโต

370

มิติหุ้น-นักลงทุนรุ่นใหม่แนะจับตาบิทคอยน์ หนึ่งในสินทรัพย์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับหนึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ด้วยผลตอบแทน 20% สูงกว่าทองคำที่ให้ผลตอบแทน 12% ขณะที่การทำคิวอี การลดใช้เงินสด การเกิดขึ้นของเงินหยวนดิจิทัล และ Libra มีส่วนผลักดันราคาบิทคอยน์พุ่ง ด้านกราฟเทคนิคบ่งบอกโอกาสเป็นขาขึ้น

นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ กลุ่มสถาบันการเงินจากประเทศอังกฤษและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า จากการเก็บสถิติตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมาพบว่า สินทรัพย์การลงทุนทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด คือ บิทคอยน์ สินทรัพย์การลงทุนทางเลือกในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ที่ให้อัตราให้ผลตอบแทน 20% จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนของทองคำ ที่ให้ผลตอบแทน 12% จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ดัชนี S&P500 ยังให้ผลตอบแทนติดลบ จึงมองว่า บิทคอยน์ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์การลงทุนที่น่าจับตาในปีนี้

หนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนการเติบโตของอัตราผลตอบแทนของ บิทคอยน์ มาจากการที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงธนาคารกลางใหญ่ของโลก ใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ในช่วงวิกฤตซับไพร์ม ปี 2008 ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นถึง 174% และสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1900 ดอลลาร์ ขณะที่วิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องใช้มาตรการคิวอี อีกครั้งด้วยวงเงินที่ไม่จำกัด และธนาคารกลางทั่วโลก ต่างหันมาอัดฉีดสภาพคล่องอีกครั้งเช่นกัน

บิทคอยน์ ที่มีคุณลักษณะของการเป็น Store Of Value เช่นเดียวกับทองคำ จึงมีโอกาสที่จะเป็นขาขึ้นในช่วงหลังจากนี้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ไวรัสโควิด-19 ทำให้คนทั่วโลกรู้จักและใช้เงินสกุลดิจิทัลมากขึ้นจากความกังวลในการใช้เงินสดที่อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนการซื้อของออนไลน์ที่เติบโตขึ้นจากมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ทำให้คนทั้งโลกคุ้นเคยกับการใช้จ่ายเงินบนช่องทางออนไลน์ รวมถึงการใช้งานสกุลเงินดิจิทัล ด้วย

ขณะที่ รัฐบาลจีนได้เดินหน้าเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือ DCEP และมีการทดลองใช้งานจริงแล้ว โดยเริ่มทดลองใช้ในเชนร้านอาหารชั้นนำ อย่าง แม็คโดนัลด์ สตาร์บัคส์ เช่นเดียวกับ Libra ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ที่ Facebook เปิดตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้วได้ปรับปรุง Whitepaper ใหม่ เพื่อที่ลดแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินทั่วโลก และหวังที่จะเปิดตัวใช้งานให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ สองสกุลเงินใหม่นี้จะทำให้คนทั้งโลกหันมาสนใจเงินดิจิทัล รวมถึงบิทคอยน์ มากขึ้น

ขณะที่กราฟเทคนิค ราคาบิทคอยน์ ไม่ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ระดับ 3000 ดอลลาร์ ทำให้ภาพรวมของราคายังอยู่ใน Wave ที่ ตามทฤษฎี Elliot Wave และเป็นไปได้ที่จะเกิด Wave ที่ ซึ่งเป็นขาขึ้นที่ยาวนานที่สุด และจะต้องสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมที่เกิดใน Wave ที่ ซึ่งอยู่ที่ 19000 ดอลลาร์

ต้องจับตาพรุ่งนี้ (12 พฤษภาคม) จะเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Bitcoin Halving ซึ่งจะเป็นการลดซัพพลายของบิทคอยน์ลงอีก หากมีดีมานด์เข้ามาสนับสนุน มีโอกาสที่บิทคอยน์จะยังเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามบิทคอยน์ หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาและพิจารณาการลงทุนให้ดี ทั้งการเลือกเปิดบัญชีและลงทุนกับ Exchange จะต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานทางการ

www.mitihoon.com