ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ หรือ TACC โดย “นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ช่วงผลงานไตรมาส 1/63 จะยังไม่เห็นผลกระทบจาก COVID-19 คาดกำไรสุทธิที่ 42 ล้านบาท เติบโต 25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 แต่ลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62
โดยรายได้คาดไว้ที่ 381ล้านบาท และลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 เป็นไปตามผลของฤดูกาลเพราะไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี แต่รายได้จะเติบโต 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 ตามจำนวนสาขาของ 7-Eleven และ All cafe’ ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีเมนูใหม่ต่อเนื่อง โดยเดือนมี.ค. มีเครื่องดื่มตามฤดูกาลคือ ชาเสาวรส และยังไม่มีการ Curfew ร้านสะดวกซื้อยังเปิดได้ตามปกติ GPM คาดที่ 30.0% ใกล้เคียงกับ 30.9% ในไตรมาส4/62 และ 29.6% ในไตรมาส 1/62
อากาศร้อนหนุนQ2แกร่ง
ส่วนไตรมาส 2/63 คาดกำไรสุทธิอาจทรงตัวที่ 42-43 ล้านบาท เพราะไตรมาสนี้อาจมีผลกระทบจาก COVID-19 บ้าง โดยรายได้จากเครื่องดื่มในโถกด 7-Eleven อาจมีผลกระทบหลังจากที่รัฐบาลประกาศ Curfew เวลา 22.00 น. ทำให้ 7-Eleven ต้องปิดเร็วขึ้นจากที่เปิด 24 ชม. แต่ชดเชยได้บางส่วนจากการเข้าร้านสะดวกซื้อมากขึ้นในช่วงเวลากลางวันจากการ WFH และห้างสรรพสินค้าปิดบริการ และไตรมาส 2/63 อากาศที่ร้อนทำให้เครื่องดื่มใน 7-Eleven ยังขายดี ล่าสุดออกสินค้าใหม่ คือ น้ำชาผลไม้และชาดำน้ำผึ้งวางจำหน่ายในร้าน All caf? และเครื่องดื่มตามฤดูกาลอื่นๆ ด้านธุรกิจลิขสิทธิ์ที่ประเมินว่าอาจได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะการจับจ่ายสินค้าน้อยลง
ลุยผนึก CPALL ทำเงิน
สำหรับกรณีที่ CPALL ลงนามธุรกิจแฟรนไชส์ 7-Eleven ในกัมพูชาเป็นเวลา 30 ปี เชื่อว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีมายาวนาน และความพึงพอใจของลูกค้าต่อสินค้าของ TACC น่าจะส่งผลให้ TACC ยังเป็น Supply เครื่องดื่มในโถกด และร้าน All cafe’ ในกัมพูชาต่อเนื่อง
นอกจากนี้การเข้าซื้อกิจการ Tesco ในไทยและมาเลเซียของ CPALL คาดจะมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของ All cafe’ หรือแบรนด์อื่นในกลุ่มซึ่งบวกโดยอ้อมต่อ TACC ทำให้มี Upside risk ต่อประมาณการอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ส่วนทั้งปี 63 คาดกำไรสุทธิทำนิวไฮ 179 ล้านบาท เติบโต 7.6% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” 6.50 บาท
