มิติหุ้น-บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC)ธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลายในประเทศไทย ประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม และเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบ Omni-channel ในประเทศไทย โดยนายปิยะ งุ่ยอัครมหาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส1/63 ของบริษัทมีรายได้รวมที่ 54,285 ลบ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 และมีกำไรสำหรับงวด 890 ลบ. ลดลงร้อยละ 63.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายที่ลดลง เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก โดยการปิดห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และศูนย์การค้าเป็นการชั่วคราว ซึ่งบริษัทฯได้รับผลกระทบทั้งในประเทศไทย อิตาลี และเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนงานแฟชั่น รายได้จากการขายลดลง 3,500 ลบ. คิดเป็น 22.1%
รุกช่องทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เพิ่มยอดขายโดยการจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น เช่น ออนไลน์ chat & shop, call & shop เป็นต้น นอกจากนี้กำไรของบริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการ
รายงานทางการเงินฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า และฉบับที่ 9 เครื่องมือทางการเงิน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 63โดยมีผลให้ค่าเช่าลดลง 1,959 ลบ. ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 1,746 ลบ. ต้นทุนทางการเงิน เพิ่มขึ้น 355 ลบ.
และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 8 ลบ. สุทธิรวม 134 ลบ.
CRC ฐานะการเงินสตรองสุด
ด้านบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวงระบุว่า CRC ฐานะการเงินที่ยังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาบริษัทค้าปลีกในประเทศไทยอันจะนำไปสู่การเป็นผู้รอดชีวิตอย่างแข็งแกร่งในภาวะวิกฤตและมีโอกาสซื้อ-ควบรวมกิจการเพิ่มเติมได้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุดเราคาดว่าผู้บริหารจะใช้กลยุทธ์แบบเพิ่มประสิทธิภาพ(ลดไขมัน) ในบริษัทด้วยการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งนับเป็น Upside ต่อประมาณการของเราและตลาด โดยเรามองว่า ราคาหุ้นควรปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบันที้ยังลดลง 15 % จากราคา IPO เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายวิธีลดกระแสเงินสด(DCF) ณ สิ้นปี 63 ที่ 40 อิง จากค่า WACC ที่ 8 %
www.mitihoon.com
