มิติหุ้น-SET ยังมีกรอบบนจำกัดบริเวณ 1,300 จุด โดยมีแนวต้านที่ 1,290-1,297 จุด โดยเช้านี้ก่อนตลาดเปิด ติดตามตัวเลข GDP ไทยใน Q1/63 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลระยะสั้นต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดในเช้านี้ โดยหากตัวเลขจริงออกมาดี (ต่ำ) กว่าคาด จะเป็นปัจจัยบวก (ลบ) ระยะสั้นต่อดัชนี ส่วนภาพรวมมองว่าดัชนีเข้าสู่ช่วงพักฐาน และยังปรับลงได้ต่อ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามที่อาจเป็นปัจจัยลบ หากลุกลาม คือ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และจีน รวมถึง Second wave ของ COVID กลยุทธ์ เน้นขายลดพอร์ต จะซื้อให้เล่นสั้น การซื้อลงทุนรอแถว 1,200 จุด
ล็อคเป้าลงทุน
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงยังคงให้ trading จบในวัน แนะนำ CHG ผลการดำเนินงาน 1Q63 เพิ่มขึ้น 4%YoY และ 38%QoQ แม้กำไรใน 2Q63 คาดว่าจะลดลง แต่ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ที่สะสมอยู่ (pent-up demand) จะกลับมาอย่างรวดเร็ว และหนุนผลการดำเนินงานใน 2H63 ฟื้นตัวขึ้น
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย เลือกหุ้น Defensive Play ที่น่าจะรองรับกับการปรับฐานของ SET ได้ แนะนำ DIF ที่มีความแน่นอนของผลประกอบการสูง พร้อมผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจในปีนี้ที่ 6.5% อีกทั้งยังเป็นกองทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินด้วย
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังกังวลความตึงเครียดสหรัฐ-จีนโดยหุ้นกลุ่ม FAANG และหุ้นพลังงานปรับขึ้น รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.ม.มิชิแกน เพิ่มขึ้น 73.7 ดีกว่าคาดที่ 68 หักล้างปัจจัยลบจากยอดค้าปลีก เม.ย. หดตัว -16.4%MoM แย่กว่าคาดที่ -12.3% นอกจากนี้สถานการณ์ระหว่างสหรัฐ-จีนยังมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นหลังคณะทำงานของทรัมป์ระงับการส่ง semiconductor ไปยัง Huawei ซึ่งมีโอกาสจีนจะตอบโต้ บ.เทคโนโลยีสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียและ DJIA-F เช้านี้ปรับขึ้น หนุนจากปธ. Fed ระบุพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อพยุงศก.
ราคาน้ำมันปรับขึ้น จากความคาดหวังอุปสงค์จีนเพิ่มขึ้น-อุปทานลดลง
หลังจากจีนรายงานดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม เม.ย. เพิ่มขึ้น 3.9% YoY จาก มี.ค.ที่หดตัว 1.1% บ่งชี้ว่าการใช้น้ำมันของจีนจะค่อยๆ กลับมา
วันนี้ติดตาม GDP 1Q63 ของไทย ส่วน GDP 1Q63 ญี่ปุ่น -3.4%YoY
เราคาดว่าตัวเลข GDP 1Q63 ของไทยจะอยู่ที่ -2.5 ถึง -3.0%YoY จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหายไป เราคาด GDP ไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทางด้าน GDP 1Q63 ญี่ปุ่น -3.4%YoY, -0.9%QoQ (อัตรารายปี) ดีกว่าคาดที่ -4.6% และ -1.2% ตามลำดับ
www.mitihoon.com