มิติหุ้น-CCET ไฟเขียวดัน‘CCPT-KY’ขาย IPO เข้าตลาดหุ้นไต้หวัน จับตางบไตรมาส 2/63 โตแกร่ง เหตุจีนเปิดโรงงานผลิต หวนสั่งออเดอร์‘ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์’มากขึ้น แถมขานรับยุค 5G หนุนออเดอร์อุปกรณ์เครือข่ายล้นทะลัก โบรกชี้พื้นฐานแกร่ง-กำไรสะสมสูง P/BV ต่ำเพียง 0.40 เท่า ราคาหุ้นต่ำบุ๊กแวลู่ 3.65 บาท แนะนำ “ซื้อ”
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ CCET ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อีเล็คโทรนิคส์ในรูปแบบของ Electronics Manufacturing Services (EMS) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 2 ประเภทคือ อุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม โดย “นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ของ “บ.แคล-คอมพ์ พรีซีชั่นโฮลดิ้ง หรือ CCPT-KY” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (TWSE)
ดันลูกเข้าตลาดหุ้นไต้หวัน
โดยเพื่อวัตถุประสงค์ในการ สนับสนุนและขยายธุรกิจในอนาคตทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินโดยรวมของบริษัท และหลังจากการออก IPO บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีอำนาจควบคุมของ CCPT-KY
ล่าสุดCCPT-KY มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 565 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยจะมีจำนวนหุ้นที่ออก IPO ไม่เกิน 23.5 ล้านหุ้น หรือ 29.38% ของหุ้นที่เหลือหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ขณะที่มีหุ้นสำหรับการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน ไม่เกิน 15% ของขนาดการออก IPO
จีนหวนสั่งออเดอร์
ด้าน “แหล่งข่าววงการอุตสหกรรม” เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายในบางประเทศ ทำให้เริ่มเห็นลูกค้าในต่างประเทศกลับมาสั่งออเดอร์มากขึ้น อาทิ ลูกค้าในประเทศจีนที่เริ่มกลับมาเปิดโรงงานผลิตทำให้เริ่มทยอยสั่งออเดอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และ ผลิตภัณฑ์โทรคมนาคมเข้ามาในช่วงต้นเดือน พ.ค.63 ที่ผ่านมา
โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นลูกค้าประจำ และยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญา ได้แก่ ลูกค้าทวีปยุโรป, ทวีปอเมริกา, ทวีปอเมริกาใต้, ภูมิภาคเอเชีย, ภูมิภาคออสเตรเลีย และภูมิภาคแอฟริกา ล่าสุดสิ้นไตรมาส 1/63 บริษัทมีลูกค้าทั้งสิ้น 142 ราย ซึ่งสัดส่วนยอดขายต่างประเทศคิดเป็น 97.75% ของยอดขายรวม
ความต้องการทะลักรับ5G
พร้อมกันนี้เชื่อมั่นว่า หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ อุตสาหกรรม EMS จะเติบโตมากขึ้น จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์เครือข่าย, เซิร์ฟเวอร์, สไตล์โมเดิร์น, โน๊ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์, เราเตอร์, กล่องแปลงสัญญาณเครื่องพิมพ์และโครงสร้างพื้นฐาน 5G จะยังคงเป็นตัวเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรม EMS นอกจากนี้ยังคาดว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านโทรคมนาคมและการเปลี่ยนแปลงของภาค IT จะเป็นตัวเร่งการเติบโตของตลาดที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย ดังนั้นมั่นใจธุรกิจของ CCET จะเติบโตอีกมากในอนาคต
ด้าน “นักวิเคราะห์หลักทรัพย์” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยข้างต้น และปัจจุบัน CCET มีพื้นฐานแข็งแกร่ง กำไรสะสมสูง 1.10 หมื่นล้านบาท ซื้อขาย P/BV ต่ำ 0.40 เท่า ราคาหุ้นยังต่ำบุ๊กแวลู่ที่ 3.65 บาท จึงแนะนำ “ซื้อ”
www.mitihoon.com