นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากยอดขายรวมในปีนี้ ที่ทำได้ล่าสุด 22,000 ล้านบาท และความสำเร็จกว่า 53% มาจากยอดขายโครงการแนวราบ ซึ่งแสนสิริ ได้วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และเป็น Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายในระยะเวลา 3 ปี
โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แสนสิริสามารถครองใจลูกค้าอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คือ แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัย Sansiri For Greater Well-Being โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสุขภาพที่ดี ทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ และความสัมพันธ์ที่ดีของทุกคนในโครงการ ครอบคลุมทั้งหมดไว้ด้วยกัน โดยทุกองค์ประกอบเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกบ้าน สะท้อนสู่การเปิดตัวนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่นเป็นครั้งแรกในไทย (Dust-Free House) รวมถึงการปรับที่ดินทำเล “กรุงเทพกรีฑา” จำนวน 300 ไร่ สู่การเป็น “Well-Living Town for the Next Generation – เมืองคุณภาพสำหรับชีวิตแห่งอนาคต” ตลอดจนการสร้าง Sansiri Backyard (แสนสิริ แบคยาร์ด) คอมมูนิตี้สีเขียวในเมืองที่สร้างนิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา เป็นต้น
“เราพูดมาตลอดในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า การออกแบบที่อยู่อาศัยนั้น ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต พฤติกรรม และต้องตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะปัจจุบันที่เรากำลังถูกปัจจัยหลายๆ ด้าน เป็นตัว Disrupt ทำให้ต้องเร่งรัดและก้าวเข้าสู่ยุคการปรับเปลี่ยนการออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วฉับพลัน ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีใครเคยนึกถึง หรือมีประสบการณ์มาก่อน ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรคือแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ดังนั้นแต่ละองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวตามความแตกต่างกันไปในแต่บริบทของตนเอง สิ่งสำคัญ ที่ทำให้แสนสิริสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดระยะเวลา 36 ปีนั้นคือการที่แสนสิริได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การศึกษาและพัฒนาที่อยู่อาศัยบนพื้นฐานความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้า จนกระทั่งเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือ Customer Insight อย่างแท้จริงนำพาไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ บริการ และแบรนด์ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดรับและมีประสิทธิภาพสูงสุด จนส่งผลให้แสนสิริเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน”
แสนสิริไม่หยุดนิ่ง ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย สู่การเป็น แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน โดยในปีนี้เรายกระดับสู่แนวคิด “Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being” การพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในด้านสุขภาพและความปลอดภัย เติมเต็มความต้องการอยู่อาศัยยุคใหม่บนพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของทุกคนในครอบครัว มุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีควบคู่กัน ซึ่งมาจากการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ศึกษา (R&D) และวางแผนจากการมองเห็นและเข้าใจในพฤติกรรมการใช้ชีวิตและความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์ภาพรวมใหญ่ของโลกที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านความตื่นตัวในความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพ และการให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดยสะท้อนออกมาเป็นเรื่องProduct & Service ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เห็นถึง 4 เรื่องหลัก ที่จะเห็นได้ในโครงการบ้านและทาวน์โฮม ได้แก่ Touchless Society / HY(GIENE)Tech Sales Gallery / Work and Living More Efficiently / More Space & More Privacy experience จะเป็นการพลิกเกมและการเซตมาตรฐานใหม่ให้วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหาความพอดีและลงตัวทั้งในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
“เชื่อมั่นว่าการ “เปลี่ยน” ครั้งนี้ จะเป็น “ตัวจุดประกาย” ที่ทำให้คนเลือกซื้อบ้านแสนสิริ และก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมตามที่วางเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ แสนสิริ ได้วางเป้าหมายโครงการแนวราบในปีนี้อยู่ที่ 17,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายโครงการบ้านเดี่ยว 13,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขายทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 4,400 ล้านบาท” นายอาณัติ กล่าวสรุป
www.mitihoon.com