VNT เงินสดเต็มมือหมื่นล. ปูพรมสยายปีก ตปท. (04/06/63)

903

มิติหุ้น – VNT ส่งซิกงบไตรมาส 2/63 โตสดใส หลังปริมาณออเดอร์ผงพลาสติกพีวีซีโซดาไฟเพิ่มขึ้น  พร้อมโชว์กลยุทธ์บินลัดฟ้าขยายตลาด “อินเดียและทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เพราะมีความต้องการสูง ชี้ฐานเงินทุนแกร่งกระแสเงินสดสูง 1.15 หมื่นล้านบาท กำไรสะสม 1.42 หมื่นล้านบาท แถม D/E ต่ำติดดินเพียง 0.17 เท่า  พร้อมรุกธุรกิจเต็มสูบ

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.วีนิไทย หรือ VNT ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผงพลาสติกพีวีซี ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SIAMVIC” วีซีเอ็ม และมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ร่วมคือ โซดาไฟ โดย “แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 2/63 จะอยู่ในทิศทางที่ดี เพราะราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์โดยรวมปรับตัวดีขึ้น และปริมาณออเดอร์เริ่มเข้ามามากขึ้นในช่วงปลายเดือน พ.ค.63 ที่ผ่านมา

ออเดอร์ไหลเข้า
เนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท อย่าง “ผงพลาสติกพีวีซี” คิดเป็นสัดส่วน 63.2% ของรายได้รวม ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์ อาคารและสิ่งก่อสร้าง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์ การดูแลสุขภาพและอื่นๆ ดังนั้นในช่วงฟื้นฟูภาคธุรกิจหลัง Covid-19 จึงทำให้ปริมาณออเดอร์เข้ามามากขึ้น

ส่วนกลยุทธ์ในช่วงที่เหลือของปี 63 บริษัทจะเน้นขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะมองว่า “อุตสาหกรรมพีวีซี” ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะอุปทานใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดยังมีจำกัด และมีการปิดโรงงานหนึ่งแห่งในสหรัฐอเมริกา ส่วนอุปทานจากประเทศจีนยังคงถูกจำกัดด้วยการควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

รุกอินเดีย-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่ความต้องการ “พีวีซี” ในทวีปเอเชียยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะใน “ประเทศอินเดียและทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”  ดังนั้น VNT จึงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นการรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศจะสนับสนุนให้ผลงานให้เติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดสัดส่วนส่งออกคิดเป็น 25.6% ของรายได้รวม

ส่วนผลิตภัณฑ์ “โซดาไฟ” คิดเป็น 21.6% ของรายได้รวมนั้น เริ่มสร้างยอดขายดีขึ้น จากไตรมาสก่อนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้สามารถนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันหลากหลายชนิด อาทิ เยื่อกระดาษและกระดาษ อะลูมิเนียม ผงซักฟอก ไฟเบอร์ อาหารและอาหารสัตว์ เป็นต้น ส่วน “วี ซี เอ็ม” คิดเป็น 10.01% และอื่นๆคิดเป็น 5.1% ของรายได้รวม

ฐานทุนแกร่ง-D/Eต่ำ
โดยปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจรอบด้าน เพราะปัจจุบันมีกระแสเงินสดสูง 1.15 หมื่นล้านบาท กำไรสะสม 1.42 หมื่นล้านบาท และ มีอัตราหนี้ต่อทุนต่ำเพียง 0.17 เท่า อย่างไรก็ดีบริษัทก็จะยังคงเน้นควบคุมต้นทุนการผลิตทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปรอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและยังคงรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานการผลิต ปัจจุบันบริษัทดังนั้นมั่นใจว่าผลงานในปี 63 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

www.mitihoon.com