ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่าน ทะลุผ่านแนวต้านที่เราประเมิน 1,370 จุด และผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,400 จุดได้ ประเมินเป็นผลจาก i) สภาพคล่องที่ล้นตลาดการเงินจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯ(Fed) และยุโรป (ECB) ii) การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลักๆของจีนและสหรัฐฯเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้เกิดความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะพ้นจุดต่ำสุด iii) Valuation ของตลาดหุ้น ที่ถูก Re-rate ขึ้น ตาม Valuation ของตลาดพันธบัตร โดยอัตราดอกเบี้ย / อัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่ำเป็นประวัติการณ์ = PE ของพันธบัตรสูงเป็นประวัติการณ์ในทางกลับกัน ดังนั้นหากพิจารณาในมุม Relative valuation จึงเป็นเหตุผลให้ PE ของตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน) … ประเด็นเรื่อง Relative valuation อ่านเพิ่มเติมได้ในบทวิเคราะห์ เชิงปริมาณ Quantamental ของฝ่ายวิจัย บล เคจีไอ (ประเทศไทย) วันที่ 1 มิ.ย.63
เราประเมินจากสถานการณ์ข้างต้นทำให้ ตลาดหุ้นไทยยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การที่ SET index ปรับตัวขึ้นทะลุ 1,400 จุด ในเวลาอันสั้นทำให้เข้าสู่ภาวะ Overbought เราจึงประเมินมีโอกาสที่ดัชนี SET index จะพักฐานที่บริเวณแนวรับ 1,400 จุด และ 1,380 จุด / และกรณีที่การพักฐานไม่แรงหลุดต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวประเมินยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แนวต้านถัดไป 1,450 จุด ประเด็นบวกในระยะสั้น ได้แก่
- การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้หุ้นในกลุ่มที่เชื่อมโยงมีแรงเก็งกำไรเข้ามา อาทิ กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPALL, JMART) กลุ่มสันทนาการ (MAJOR, SPA) และกลุ่มที่คาดจะได้รับการผ่อนคลายในโอกาสถัดไปได้แก่ 1.1) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, BAFS, AOT, AAV)2) โรงเรียน (SISB) เป็นต้น
- พรก เงินกู้ ของรัฐบาล คาดจะเริ่มใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ 2.1) การลงทุนภาครัฐฯ (รับเหมาฯ STEC, CK) 2.2) การออกข้อเสนอพิเศษดึงดูดการลงทุนภาคเอกชน (นิคมฯ AMATA, WHA) 2.3) การกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว (CENTEL, AAV, BAFS) เป็นต้น
- หุ้นรับดอกเบี้ยต่ำ อาทิ SAWAD, MTC, TCAP, TISCO เป็นต้น
โดย
www.mitihoon.com