บลจ.กสิกรไทย แนะรายใหญ่พักเงินหลบความผันผวนโลก ชวนลงทุนเทอมฟันด์ 6 เดือน ผลตอบแทน 1.30% ต่อปี

76

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่ค่อนข้างสูง สะท้อนได้จากดัชนีหุ้นโลกที่มีการปรับตัวขึ้นลงไปมา อันเนื่องมาจากความกังวลในระยะสั้นว่าจะเกิดการระบาดขึ้นอีกเป็นรอบที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นการพบกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่ง รวมถึงจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมุมมองเชิงลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลก ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างกองทุน Term Fund จึงเป็นการพักเงินในระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นต่อไป ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6MR ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFF6MR-AI) ในระหว่างวันที่ 16 – 22 มิถุนายน 2563 โดยประมาณการผลตอบแทนไว้ที่ 1.30% ต่อปี

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน KFF6MR-AI เป็นกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ประมาณ 6 เดือน และมีการลงทุนแบบกระจุกตัว จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น โดยผู้ลงทุนต้องที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุน และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ อย่างไรก็ดี ตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนล้วนเป็นตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ซึ่งที่ผ่านมากองทุน Term Fund ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ (Default)

ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนจะเข้าลงทุนในเงินฝาก Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) และเงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย) รวมถึงเงินฝาก Doha Bank, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, เงินฝาก AI Khalij Commercial Bank และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

“ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะถดถอย โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่าจะปรับตัวลง 6% ในขณะที่หากเกิดการระบาดขึ้นเป็นรอบที่ 2 จนทำให้ประเทศต่างๆ ต้องกลับมาดำเนินมาตรการ Lockdown อีกครั้ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวลง 7.6% ในปีนี้ ก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น 2.8% ในปีหน้า อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังดูไม่สดใส แต่หากพิจารณาเป็นรายภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มอุตสาหกรรม ยังพบว่ามีบางภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่ม

กลับมาฟื้นตัวโดยทางการจีนได้เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินการคลังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสภาพคล่องในระบบ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังต้องจับตาประเด็นการพบกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งทางการจีนได้เรียกร้องให้มีการใช้มาตรการอย่างเด็ดขาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดขึ้นซ้ำสอง รวมถึงประเด็นข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯและจีนในอีกหลายเรื่อง ทั้งการร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ และการแทรกแซงการปกครองในฮ่องกงและยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าของฮ่องกงจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดการตอบโต้จากจีนได้” นายนาวินกล่าว

นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่สนใจกองทุน KFF6MR-AI นอกจากจะต้องเป็นผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้นแล้ว ยังต้องมีลักษณะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ผ่านธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขาย/รับซื้อคืนหน่วยลงทุนเท่านั้น ไม่สามารถลงทุนผ่านช่องทางดิจิตอลได้ ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888