ฝ่ายวิจัยบล.เมย์ แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับมุมมองสำหรับกลุ่มอาหารจาก ปานกลาง เป็น เป็นบวก กลุ่มอาหารถูกกระทบไม่มากนักในช่วง 1H63 จากการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตดีขึ้นใน 2H63 เนื่องจากการคลายล็อกดาวน์ และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้การบริโภคและราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม เราประเมินความน่าสนใจในการลงทุน 2H63 สำหรับกลุ่มอาหารที่เราทำบทวิเคราะห์ (CPF, OSP, TU และ GFPT) โดยใช้ Scorecard พบว่า CPF ได้คะแนนสูงสุดจากแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 40.20 บาท ส่วน GFPT คะแนนน้อยสุด แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังออกมาระบุอีกว่าหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการผสมผสานจุดเด่นของธุรกิจ 6 ธุรกิจ คือ 1.BDMS ราคาเป้าหมาย 25 บ./หุ้น ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงจังหวัดที่เป็น แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ,2.SPA ราคาเป้าหมาย 7.8 บ./หุ้น ธุรกิจการนวดและบำบัด ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของไทย ที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้บริการ , 3.CPALL ราคาเป้าหมาย 87 บ./หุ้น ซึ่งมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ง่ายต่อการเข้าถึงของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว
4.MINT ราคาเป้าหมาย 30 บ./หุ้น เป็นเจ้าของแบรนด์ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำ ทั้งสำหรับคนไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม MINT ขึ้นเครื่องหมาย XR 26 มิ.ย.63 เพิ่มทุน 1,037,955,941 หุ้น 1. จัดสรรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนอัตราส่วนไม่ต่ำกว่า 6.45 ต่อ 1 และ 2. รองรับการออกและใช้สิทธิแปลงสภาพของ MINT-W6 และ MINT-W7 และแจก Warrant ผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วน 17 ต่อ 1
5.CPF ราคาเป้าหมาย 40.20 บ./หุ้น ธุรกิจอาหารครบวงจรขานรับการปรับครัวโลก ที่จะขยายการเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน และ 6. RBF ราคาเป้าหมาย 7.20 บ./หุ้น เน้นพัฒนาและวิจัยนวัตกรรมด้านอาหารแบบครบวงจร ช่วยต่อยอดธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง
www.mitihoon.com