มิติหุ้น-บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/63F ของบมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เท่ากับ 1.2 พันล้านบาท (+20.4%YoY, -0.7%QoQ) โดยการเติบโต YoY มาจากรายได้ ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และต้นทุนการเงินลดลง แต่การอ่อนลงจากไตรมาสก่อนเพราะตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยทรงตัว เช่นเดียวกับสินเชื่อที่คาดว่าจะทรงตัว QoQ เพราะเศรษฐกิจชะลอตัวหลังมีโควิด-19 (แต่โตได้ +15%YoY) ทางฝ่ายวิจัยฯ DBS ยังคงสมมติฐานการเติบโตสินเชื่อปีนี้ที่ +17% สำหรับสเปรดใน 2Q63F คาดว่าจะทรงตัว QoQ
ส่วนการขยายสาขายังคงเป็นไปตามแผน โดยในไตรมาส2/633-QTD มีสาขาใหม่ 274 แห่ง ทำให้มีสาขาทั้งหมด 4,568 แห่งเทียบกับเป้าหมายสาขาในสิ้นปี 63 ที่ 4,700 แห่ง
ด้าน NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ส่วนการตั้งสำรองฯน่าจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทมีจัดชั้น ลูกหนี้ใหม่ โดยลูกหนี้ที่เข้าโครงการช่วยเหลือในไตรมาส 2/63 จะกลายเป็นหนี้ปกติสำรองที่เคยตั้งไว้ก็นำมาใช้กับ NPL ก้อนอื่น ทำให้การตั้งสำรองอาจจะต่ำกว่าระดับ 80-100bps ที่ผู้บริหารเคยให้ Guidance ไว้ก่อนหน้า
นอกจากนี้ผลกระทบจากมาตรการช่วยแหลือลูกหนี้ระยะที่ 2 จำกัด โดยให้เพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล ลดลงเป็น 25% (เดิม 28%) และเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำลดเป็น 24% (เดิม 28%) ซึ่งปัจจุบัน MTC คิดอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล 25% และสินเชื่อจำนำที่ 21% อยู่แล้ว และไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการกู้กับ ลูกหนี้ด้วย จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 58 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 6.0 เท่า (-2SD ของค่าเฉลี่ยระยะยาว)
www.mitihoon.com