รู้ทันการลงทุน กับ KGI
ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา มีแรงขายกดลงไปใกล้แนวรับจิตวิทยา 1300 จุด หลังจากที่ต่ำกว่าแนวรับ 1350 จุด ที่เราประเมินไว้ (พักฐานแรงหลังหลุด 1350 จุด ตามคาด) แต่ด้วยผลของสภาพคล่องที่ยังล้นตลาดการเงินและ New normal ของ PE ตลาดหุ้น (ผลจากดอกเบี้ยต่ำ แม้ว่า ที่ประชุม กนง จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ตาม) ทำให้ดัชนี SET index รีบาวด์กลับขึ้นมาได้ในช่วงท้ายสัปดาห์ เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET index สัปดาห์นี้ แนวรับ 1300 จุด และ 1280 จุด / แนวต้าน 1350 – 1380 จุด ตามลำดับ โดยที่นักลงทุนยังจับตาดูความเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2 หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯและยุโรป
อย่างไรก็ดีเราประเมินว่า การแพร่ระบาดรอบ 2 หากเกิดขึ้นในสหรัฐฯ – ยุโรป ผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะน้อย เนื่องจากไม่ใช่กลุ่มประเทศเป้าหมายสำหรับนโยบาย Travel bubble ของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่หากมีการแพร่ระบาดรอบที่ 2 ในกลุ่มประเทศเป้าหมาย อาทิ ประเทศจีนและญี่ปุ่น จะส่งผลกระทบด้านลบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง นอกจากประเด็นเรื่องของความเสี่ยงการแพร่ระบาดรอบ 2 ความเสี่ยงอีกประการของตลาดหุ้นไทยในระยะใกล้ (เดือน ก.ค.) คือ การรายงานผลประกอบการและงบดุลของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการรายงานผล Stress Test ในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้
อย่างไรก็ดี หากดัชนี SET index มีการพักฐานอีกรอบ (โดยเฉพาะในช่วงการรายงานผลการดำเนินงาน 2Q63 ที่คาดจะอ่อนแอ) เราประเมินเป็นโอกาสซื้อสะสม เนื่องจากประเมินว่า i) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยจะเป็น V-shape (ปี 2563 เป็นจุดต่ำสุด โดยเฉพาะ 2Q63) ii) สภาพคล่องที่ล้นตลาดและดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ PE ของ SET index ปรับฐานขึ้นเป็น New normal โดยหุ้นพื้นฐานดีที่คาดจะเป็นเป้าหมายการซื้อ (เมื่อพักฐาน) / เก็งกำไร (หากตลาดหุ้น Sideway ต่อ) ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BCPG) กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, EKH) กลุ่มอาหาร (CPF) กลุ่มโรงกลั่น (SPRC, TOP) กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA) เป็นต้น
โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
www.mitihoon.com