‘บี แอนด์ จี พาร์ค’ ตั้งเป้าระดมทุน Q3/63 หลังไฟลิ่งได้รับการอนุมัติจัดตั้งกองทรัสต์ BGREIT มั่นใจดีมานด์เช่าพื้นที่สำนักงานยังเติบโตได้หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย

130

บี แอนด์ จี พาร์ค ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โชว์ศักยภาพสินทรัพย์ โครงการอินเตอร์เชนจ 21 อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมใจกลางย่านธุรกิจ ทำเล Super Prime Area ชูนโยบายขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พร้อมรุกสร้างแบรนด์ ก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มอาคารสำนักงานและโรงแรมชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ตั้งเป้าระดมทุนในไตรมาส 3 นี้ หลัง ก..อนุมัติไฟลิ่งจัดตั้งกองทรัสต์ BGREIT ชี้ดีมานด์อาคารสำนักงานยังสามารถเติบโตได้แม้ COVID-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการทำงานและการเลือกขนาดพื้นที่เช่าเปลี่ยนไปบ้าง

นายเทพฤทธิ์ ศรีชวาลา กรรมการ บริษัท บี แอนด์ จี พาร์ค จำกัด หรือ B&G เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยแบ่งเป็น กลุ่ม คือ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โรงแรม อวานี หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ วิลล่าส์ และธุรกิจอาคารสำนักงาน ได้แก่ โครงการอินเตอร์เชนจ 21 โดยบริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาและบริหารในส่วนอาคารสำนักงานและร้านค้าปลีกให้เช่าระดับเกรด สุดยอดทำเล Super Prime Area ตั้งอยู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจย่านอโศก-สุขุมวิท ซึ่งเป็นจุดตัดถนน 2 เส้นทางหลัก และยังเป็นจุดเชื่อมต่อที่สามารถเดินทางเข้าสู่ภายในอาคารจากระบบขนส่งมวลชนทั้ง 2 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิท อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านอาหารชั้นนำย่านอโศก และสุขุมวิทพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกมากมาย

นอกจากทำเลที่ตั้งที่มีความสะดวกแล้ว บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาบริหารจัดการภายในอาคาร ทำให้ตัวอาคารได้รับรางวัลต่างๆ รวมถึงการออกแบบอาคารและการจัดสรรพื้นที่เช่าเพื่อรองรับและตอบสนองต่อความต้องการของผู้เช่าได้หลากหลายธุรกิจอุตสาหกรรม อาทิ สถาบันการเงิน ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจการท่องเที่ยว เป็นต้น ส่งผลให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อาคารในโครงการอินเตอร์เชนจ 21 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยกว่า 95% ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ร้านค้าปลีก

กรรมการ บริษัท บี แอนด์ จี พาร์ค จำกัด หรือ B&G กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) คลี่คลาย คาดว่าอาจจะมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง บางธุรกิจเริ่มปรับตัวเพื่อลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ แต่ยังมีความต้องการเช่าพื้นที่ (ดีมานด์) ในรูปแบบที่เปลี่ยนไป ในขนาดใช้สอยพื้นที่ที่เล็กลง สอดคล้องกับพฤติกรรมการทำงานรูปแบบ Work from home ซึ่งผู้ประกอบการในหลายภาคธุรกิจ ได้ปรับตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์ โดยเริ่มให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของพนักงาน ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศ ทำให้มีความต้องการใช้พื้นที่ออฟฟิศน้อยลง และอาจจะมีการปรับพื้นที่การนั่งทำงานใหม่สำหรับพนักงานที่ยังมีความจำเป็นต้องเข้ามาปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อม และดำเนินการปรับตัวมาก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์ข้างต้น โดยใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการพื้นที่การปล่อยเช่าของอาคาร การติดต่อกับผู้เช่าอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ มองว่ากลยุทธ์การกำหนดอัตราค่าเช่าเพื่อแข่งขันกับผู้ให้บริการสำนักงานให้เช่ารายอื่น ๆ ไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหมาะสมในปัจจุบัน แต่ควรจัดสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการที่เอื้อต่อการดำเนินกิจการต่อผู้เช่า เช่น ปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลางและพัฒนางานระบบให้อาคารมีความทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เช่าพื้นที่ เพื่อดึงดูดให้ผู้เช่ายังคงเช่าพื้นที่และต่อสัญญาเช่ากับอาคารต่อไป

“ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มีมาตรการเชิงรุกช่วยเหลือผู้เช่าในการจัดสรรพื้นที่สำนักงานให้เป็นไปตามความต้องการของผู้เช่าพื้นที่ ทำให้ทางอาคารมีความหลากหลายของธุรกิจที่เป็นผู้เช่ารายย่อย ส่วนผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทางบริษัทฯ ได้ช่วยเหลือผู้เช่าที่ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้างต้น และต้องหยุดดำเนินการประกอบธุรกิจ ทางบริษัทฯ จึงพิจารณายกเว้นการเก็บค่าเช่า หรือบางธุรกิจที่มีผลกระทบบ้างแต่ยังคงเปิดดำเนินกิจการได้ ทางบริษัทฯ จะพิจารณาปรับลดค่าเช่าจากอัตราตามสัญญาเช่าปกติเป็นรายกรณี เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้ผู้เช่าพื้นที่ให้ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้  โดยความช่วยเหลือดังกล่าวน่าจะสิ้นสุดเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อผู้เช่าอย่างมีสาระสำคัญในการเช่าพื้นที่ และยืนยันว่าจะไม่ส่งกระทบต่อการลงทุนของกองทรัสต์ฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลังจากนี้” นายเทพฤทธิ์กล่าว

ล่าสุด บริษัทฯ ได้เดินหน้าจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อเข้าระดมทุนในโครงการอินเตอร์เชนจ 21 โดยปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือสำนักงาน (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (ไฟลิ่ง)  ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ บี แอนด์ จี (B&G Leasehold Real Estate Investment Trust: BGREIT) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีบริษัท บี แอนด์ จี รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ B&G เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งนี้ ทรัสต์ BGREIT จะเข้าลงทุนครั้งแรกในโครงการอินเตอร์เชนจ 21 เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี รวมมูลค่าเงินระดมทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 8,043 ล้านบาท โดยมาจากการระดมทุนจำนวนไม่เกิน 6,543 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ในไตรมาส ปี 2563 นี้

“เรามีนโยบายการลงทุนทรัพย์สินประเภทอาคารสำนักงานเกรด A พื้นที่สำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก ในทำเลที่มีศักยภาพเติบโตสูง หรือลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ พร้อมสร้างแบรนด์ บี แอนด์ จี พาร์ค ให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มอาคารสำนักงานรวมถึงโรงแรมชั้นนำ” นายเทพฤทธิ์กล่าว

www.mitihoon.com