TASCO ราคายางมะตอยพุ่ง-ดันQ2/63พลิกกำไร800ล.

602

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ หรือ TASCO โดย “บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 2/63 คาดจะพลิกกลับมาทำกำไร เพราะตลาดในประเทศได้แรงหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 โดยเฉพาะในเดือน พ.ค – มิ.ย. ที่รายได้ต่อเดือนมีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ และตลาดต่างประเทศได้แรงหนุนจากเข้าสู่ช่วง Working season (ยกเว้นประเทศอินโดนีเซียที่จะ High season ใน 2H63) รวมทั้งสถานการณ์โรคระบาด COVID – 19 ที่เริ่มคลี่คลาย จะส่งผลให้คำสั่งซื้อที่ชะลอในไตรมาส 1/63 เริ่มทยอยกลับมาในไตรมาส 2/63

ด้านราคาขายยางมะตอยปัจจุบันกลับมาอยู่ในระดับสูงราว US$315/ตัน จาก US$200/ตัน ในช่วงเดือน พ.ค. และจาก US$170 ในช่วงต้นปี ได้อานิสงค์จาก Demand ที่กลับเข้ามาขณะที่ Supply ยางมะตอยยังต่ำ จากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นทำให้ผลผลิตที่เป็นยางมะตอยลดลงไปด้วย

ส่วนราคาน้ำมันดิบที่เริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2/63 อาจทำให้บริษัทมีการบันทึก Hedging loss บางส่วนแต่ก็ได้ชดเชยจากกำไรจาก Stock ซึ่งจะช่วยหนุน GPM ให้พลิกกลับมาเป็นบวกได้ในไตรมาส 2/63 นอกจากนี้จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจาก Insurance claim อีกราว 20-40 ล้านบาท ดังนั้นไตรมาส 2/63 คาดกำไรปกติจะอยู่ที่ 600-800 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 751 ล้านบาทในไตรมาส 1/63

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปกติในไตรมาส 3/63คาดจะเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะเป็นไตรมาสแรกที่ภาคธุรกิจกลับมาดำเนิงานเป็นปกติเต็มไตรมาส โดยเฉพาะประเทศไทย จีนและมาเลเซีย และเป็นไตรมาสสุดท้ายสำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ของไทยซึ่งจะเป็นแรงผลักดันผลประกอบการและดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/63 ที่ได้แรงหนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 64 หากการอนุมัติเป็นไปตามแผน
รวมทั้งเป็นช่วง Working Season ของประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังได้รับผลประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบฉุกเฉิน COVID-19 ในประเทศ ส่วนแนวโน้มราคาในระยะยาวคาดจะปรับตัวขึ้นซึ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการ IMO2020

ดังนั้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 63 ที่ 2,024 ล้านบาท ลดลง17.5% จากปีก่อน โดยจุดต่ำสุดของ TASCO ในไตรมาส 1/63 ได้ผ่านไปแล้วและจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ ไตรมาส 2/63 เป็นต้นไป ซึ่งคำสั่งซื้อที่เลื่อนออกไปในไตรมาส 1/63 จะทยอยกลับมาโตเด่นตั้งแต่ไตรมาส 2/63
รวมทั้งราคาขายยางมะตอยที่ปรับตัวขึ้นซึ่งได้ประโยชน์จากมาตรการ IMO 2020 และได้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงในไตรมาส 1/63 ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 2/63-ไตรมาส3/63 อีกทั้ง TASCO เริ่มศึกษาและหาแหล่งน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงจากแหล่งน้ำมันที่ใดที่หนึ่งอีกด้วย ฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสมปี 63 ที่ 21.10 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ 14.7x (+1.0 SD) ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 24.90 บาทต่อหุ้น จึงลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “TRADING”

www.mitihoon.com