ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM โดย “นางปรียนาถ สุนทรวาทะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเกาหลใต้ มาเลเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และโอมาน เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจและมีผลตอบแทนที่เหมาะสม
โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ 2-3โรง ขนาดกำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 300MW ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ เบื้องต้นคาดว่าบางโครงการจะสามารถปิดดีลได้ภายในปีนี้ และเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันที เพราะเป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว
ล่าสุดสิ้นเดือน มี.ค.บริษัทมีจำนวนโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 58 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 3,547 MW และ ประมาณการกำลังการผลิตตามสัดส่วนเท่ากับ 2,455 MW
ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/63 จะเติบโตได้ดี ส่วนทั้งปี 63 รายได้จะเติบโตราว 10-15% โดยหลักๆมาจากต้นทุนก๊าซ LNG ที่ลดลง และบริษัทจะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม 2 แห่งเต็มปีรวม 677 MW ได้แก่โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Dau Tieng 1&2 กำลังการผลิตติดตั้ง 420เมกะวัตต์ และโครงการ Phu Yen TTP กำลังการผลิตติดตั้ง 257 MW
ด้าน “บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 60 บาท ภายหลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อนุมัติ License การนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) ให้ BGRIM ตามที่เสนอมาขนาด 650,000 ตัน/ปี ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกจากประโยชน์ต่อ BGRIM มากกว่า SPP รายอื่น เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนลูกค้า IU สูงถึง 25% เทียบกับ GULF ที่ 13%
ส่วนการระบาดของ COVID-19 อาจกระทบรายได้จาก IU บ้างซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 25% ของรายได้ทั้งหมด และ 50% เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์มีการปิดโรงงานไปบ้างในเดือน เม.ย. และต้องลดค่าไฟ 3% เป็นเวลา 1 ไตรมาสตามนโยบายรัฐบาล แต่ก็มีลูกค้ารายใหม่เชื่อมต่อขอใช้ไฟเข้าระบบในเดือน พ.ค. จำนวน 14MW และรอเข้ามาเพิ่มอีกในไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/63อีกไตรมาสละ 8MW เพราะลูกค้าต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟจึงมีการขอซื้อไฟจาก BGRIM ซึ่งต่ำกว่าราคาขายปลีกของการไฟฟ้า และมีลูกค้าบางกลุ่มอย่างกลุ่ม Packaging และ Electronics มีการใช้ไฟเพิ่มขึ้น ช่วยลดผลกระทบ
ล่าสุดเดือน พ.ค. ลูกค้าที่ชะลอการใช้ไฟไปเริ่มกลับมาใช้ไฟเพิ่มขึ้นแล้ว นอกจากนี้คาดว่า Capacity factor ของโรงไฟฟ้าพลังงงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามจะดีขึ้นเพราะที่ Phu Yen ฝนน้อยกว่าไตรมาส 1/63 ขณะที่ความกังวลด้านภัยแล้งผ่อนคลายลงมากหลังมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค. ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น
โดยฝ่ายวิจัยปรับสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติของ BGRIM ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไปลงจากประมาณการเดิม 8% เป็น 239 บาท/ล้านBTU ส่งผลให้กำไรปกติเพิ่มขึ้นจากเดิม 34% เป็น 4,933 ล้านบาท และราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 50.00 บาท เป็น 60.00 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
www.mitihoon.com