ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น หรือ STEC ประกอบธุรกิจก่อสร้างงานทุกประเภททั้งงานโยธาและ งานเครื่องกล โดยบทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 จะอยู่ที่ 280 ล้านบาท เติบโต 4.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 33.7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจะมาจากรายได้เงินปันผลจาก GULF (ถือสัดส่วน 1.88%) และ TSE (ถือในสัดส่วน 9%)
ส่วนแนวโน้มรายได้คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 9.2 พันล้านบาท โต 26% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น และ สัดส่วน SG&A/ยอดขายจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 4.3% และ 1.7% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากผลประกอบการไตรมาส 2/63 เป็นไปตามที่คาดไว้ กำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกปี 63 จะคิดเป็น 47.5% ของประมาณการกำไรปีนี้ นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะมีการเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้า IPP Gulf ปลวกแดง
ขณะที่ STEC ได้เข้าซื้อเอกสาร Request for Proposal documents (RFP) ในสัปดาห์ที่แล้ว คาดว่า STEC จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ consortium ที่มี BTS เป็นแกนนำ
ด้าน Backlog ยังแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน STEC มียอด backlog อยู่ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท (รวมbacklog เฟสแรกของโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา 2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจะทำให้มียอดรับรู้รายได้ไปอีกประมาณ 3.5-4 ปี โดยในระยะสั้น จะมี backlog รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย (2 พันล้านบาท)
ดังนั้น ยังคงคำแนะนำซื้อ STEC และให้ราคาเป้าหมายที่ 19.20 บาท เลือกเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
www.mitihoon.com
