ภาพรวมของการลงทุนในสัปดาห์นี้ ยังเผชิญกับปัจจัยบวกและลบที่เข้ามาโดยปัจจัยหนุนตลาดหุ้นต่างประเทศในสัปดาห์นี้ คือ การรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำโดย TESLA , MICROSOFT และ INTEL ที่น่าจับตามองคือผลประกอบการของบริษัทเทสล่า หลังจากราคาหุ้นปรับขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ จากการส่งมอบรถได้สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ในก่อนหน้า ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอื่นๆ ต้องติดตามการรายงานผลประกอบการหลังจากมีการเปิดเมืองในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาว่ามีผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่
นอกจากนี้ ในด้านภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังต้องติดตามการพิจารณามาตรการเยียวยาทางการคลังรอบใหม่จากทางสหรัฐฯ หลังมาตรการเยียวยาผู้ตกงานในรอบแรกจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งปัจจุบันจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานใหม่ยังทรงตัวอยู่ในระดับ 1.3 ล้านคนต่อสัปดาห์ ดังนั้นหากมาตรการรอบใหม่ไม่ผ่านการอนุมัติ อาจจะทำให้ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการเพิ่มสูงขึ้นในระยะถัดไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีได้รับปัจจัยกดดันต่อตลาดคือจากการระบาดของ COVID-19 รอบสองที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นในหลายประเทศและยังไม่ลดระดับลง ทั้งสหรัฐฯ บราซิล อินเดีย ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวได้ช้า โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวกับน้ำมันและอาจมีแนวโน้มปรับตัวเลขการเติบโตของ จีดีพี และกำไรของบริษัทจดทะเบียนของประเทศต่างลงรวมถึงประเทศไทยด้วย
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ เนื่องจากตลาดยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน อีกทั้งยังมีปัจจัยด้านการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีและการรายงานผลประอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ออกมาไม่ดี แนะนำเก็งกำไรในช่วงสั้น โดยเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเรื่อง Covid-19 อาทิ หุ้นกลุ่มประกันฯ (TQM,TIP,BLA) หุ้นกลุ่มอาหาร (CPF,RMF) หุ้นอาหารเสริม (MEGA)
ส่วนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำที่ราคาปรับขึ้นมาต่อเนื่อง KTBST SEC ยังมีมุมมองเชิงบวกจากภาวะสภาพคล่องที่ล้นระบบและความไม่แน่ไม่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับที่สูง โดยในช่วงเดือนกรกฏาคมถึงสิงหาคมนั้นคาดว่าราคาทองคำจะยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว เพื่อรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงสิ้นเดือนกรกฏาคมและการพิจารณามาตรการเยียวยาใหม่ๆจากภาครัฐซึ่งมีแนวโน้มจะทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงในระยะถัดมา
อย่างไรก็ตามในระยะ 1 – 2 สัปดาห์จากนี้ ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำยังไม่สามารถฟื้นตัวได้มากนัก เนื่องจากอยู่ในช่วงของการรายงานผลประกอบการทำให้นักลงทุนยังให้ความสนใจในหุ้นมากกว่า
KTBST SEC ยังแนะ ให้ถือครองทองคำในพอร์ตประมาณ 5% หากราคาทองคำมีการพักตัวบริเวณ 1,800-1,815 จุด ถือเป็นจุดที่น่าสนใจแก่การเข้าลงทุน ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php
โดยคุณชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST SEC)
www.mitihoon.com