ผู้ถือหุ้น บมจ. กรุ๊ปลีส รวมกลุ่มฟ้อง บริษัท เจ ทรัสต์ จำกัด เรียกค่าเสียหาย 2.6 พันล้านบาท ฐานครอบงำกิจการและทำละเมิดเนื่องจากการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรง นักลงทุนเข้าใจผิดว่าธุรกิจของ บมจ กรุ๊ปลีส) ไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่น่าลงทุน ทำให้โจทก์และสมาชิกกลุ่มซึ่งมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นผู้มีส่วนได้เสียและผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันได้รับความเสียหาย…จากการถูกรอนสิทธิในการได้รับคำเสนอขอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกรุ๊ปลีสเพื่อครอบงำกิจการ
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี.เอฟ.โฮลดิ้งส์ จำกัด กลุ่มนักลงทุน ผู้ถือหุ้น บมจ. กรุ๊ปลีส ได้ยื่นฟ้องคดี บริษัท เจทรัสต์ จำกัด (JTrust Co.,Ltd) บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องรวม 4 ราย เป็นจำเลยในคดีแพ่งต่อศาลแพ่งไทย เรียกค่าเสียหายสองพันหกร้อยล้าน และเรียกให้ชดใช้ให้ผู้ถือหุ้นอื่น ๆ ทุกรายของ บมจ กรุ๊ปลีส ในอัตราความเสียหายหุ้นละ 17.12 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับจากวันฟ้องคดี ทั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยตรง โดยอ้างว่า “จำเลยทั้งสี่ประสงค์จะเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของกรุ๊ปลีส เริ่มตั้งแต่การเข้าไล่ซื้อหุ้นกรุ๊ปลีสตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาหุ้นสามัญของกรุ๊ปลีสปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
“และหาก จำเลยทั้งสี่ ต้องการเข้าครอบงำกิจการของกรุ๊ปลีส โดยเข้าถือหุ้นทั้งหมด โดยทำคำเสนอซื้อเป็นการทั่วไป ในราคา 20.46 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นเงินที่ จำเลยทั้งสี่ จะต้องใช้ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นของกรุ๊ปลีสในตลาดหลักทรัพย์ เป็นเงิน 28,713,053,686.60 บาท”
ซึ่งการใช้วิธีฟ้องคดีแพ่งเพื่อเพิกถอนโมฆียกรรม จะทำให้ บมจ กรุ๊ปลีส ต้องหาเงินใช้หนี้คืนก่อนกำหนด แต่แทนที่ เจ ทรัสต์ จะสู้ความในศาลแพ่งให้แล้วเสร็จเด็ดขาด ก็นำคดีแพ่ง ไปฟ้องต่อศาลล้มละลายเพื่อฟื้นฟูกิจการ โดยหวังว่า จะสามารถแปลงหนี้ของตนเป็นหุ้นสามัญในราคาต่ำได้
“โดยการกระทำของ เจ ทรัสต์ ที่ต้องการเข้าครอบงำกิจการของกรุ๊ปลีส เท่ากับการฝ่าฝืน มาตรา 246, 247และ 248 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ เอ.พี.เอฟ.โฮลดิ้งส์ และสมาชิกกลุ่มซึ่งมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นผู้มีส่วนได้เสียและผู้มีผลประโยชน์ร่วมกันได้รับความเสียหาย จากการถูกรอนสิทธิในการได้รับคำเสนอขอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกรุ๊ปลีสเพื่อครอบงำกิจการ ซึ่งราคาเสนอซื้อต้องไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดที่จำเลยได้มาในระหว่างเวลา 90 วัน ซึ่งทาง เอ.พี.เอฟ. และ กลุ่มสมาชิกทราบแต่เพียงว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 13 มีนาคมถึงวันที่ 11 กันยายน 2560 จำเลยได้เข้าไล่ซื้อหุ้นของกรุ๊ปลีส จำนวน 24,063,100 หุ้น ในราคาเฉลี่ย 20.46 บาทต่อหุ้น จึงถือเอาราคา 20.64 บาทเป็นราคาตั้งในการเรียกร้องค่าเสียหาย”
ทั้งนี้หากผู้ถือหุ้น บมจ. กรุ๊ปลีส ที่ถือหุ้นตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2560 (ยังถือหุ้นอยู่) และ ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2560 แต่ขายไปแล้ว ยังมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มเพื่อร่วมเรียกร้อง และทำการฟ้องได้ โดยความเสียหายอาจต่างกันตามราคาที่ผู้ถือหุ้นรายนั้นขายหุ้นไป โดยสามารถแสดงความจำนงกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการในลำต่อไป