สสส. จับมือ ส่งสุขฯ ปั้น “ทูตความสุข” ทรานส์ฟอร์มประเทศไทยสู่สังคมแห่งความสุขอย่างยั่งยืน

299
มิติหุ้น – จากผลสำรวจของบริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 พบว่า ประเทศไทยมีความเครียดสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก จาก 23 ประเทศ โดยคนไทย 91% ยอมรับว่าตัวเองมีความเครียดซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 84% และคนไทยประมาณ 7% หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าความเครียดที่เผชิญอยู่เกิดขึ้นจากสาเหตุใดและไม่สามารถจัดการกับความเครียดเหล่านั้นได้ ส่งผลให้ความสุขของคนไทยหดหายไป และมีปัญหาสุขภาพจิตในระดับรุนแรง ได้แก่ อาการซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีอัตราเร่งมากยิ่งขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด–19
· Happy Life Happy Thailand แบ่งปันทักษะสร้างสุขทั่วไทย
 
โค้ชระดับแนวหน้าของเมืองไทย “พจนารถ ซีบังเกิด”  หรือ “โค้ชจิมมี่” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทจิมมี่เดอะโค้ช และผู้ก่อตั้งบริษัท ส่งสุข วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ให้มุมมองว่า ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหาและในขณะเดียวกันแต่ละคนก็ให้นิยามคำว่าความสุขแตกต่างกันไป บางคนบอกว่าจะมีความสุขถ้ามีบ้าน มีรถยนต์ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก แต่พอระยะเวลาผ่านไปนานๆ อาจจะรู้สึกว่าความสุขหายไป ทั้งๆ ที่ความสุขเป็นทักษะที่ฝึกฝนและต่อยอดได้ ความสุขที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นจากการเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง เข้าใจชีวิต มีเป้าหมายในชีวิต เมื่อมีสิ่งใดมาฉุดรั้งก็จะสามารถบริหารจัดการเพื่อให้ชีวิตก้าวไปข้างหน้าได้และมีความสุขในแบบฉบับของตัวเอง สำคัญที่สุดคือต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม
บริษัท ส่งสุขฯ ดำเนินกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ด้วยการแบ่งปันทักษะการสร้างความสุขด้วยศาสตร์การโค้ช ให้ผู้ที่สนใจแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านโครงการ Happy Life Happy Thailandตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้าง “ทูตความสุข” (Happy Ambassador) ซึ่งเป็นผู้แข็งแรงจากภายใน ด้วยตัวตนที่มีความสุข เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจร่วมเรียนรู้ทักษะการสร้างความสุขเพื่อปลดล็อกปัญหาต่างๆ ในชีวิต พร้อมแบ่งปันทักษะให้ผู้อื่นได้อย่างไม่สิ้นสุด โดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อเสร็จสิ้นการอบรม ผู้ที่เป็นทูตความสุขจะต้องนำทักษะที่ได้ไปแบ่งปันหรือช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม จำนวน 100 คน ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยไม่จำกัดรูปแบบและเงื่อนไข พร้อมส่งรายงานกลับมาที่โครงการฯ เพื่อแสดงพลังในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในสังคมทุกระดับมีความสุขอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายการกระจาย “ทูตแห่งความสุข” ไปทั่วทุกๆ ตำบลในประเทศไทย และรวมไปถึงคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศด้วย
 
ปัจจุบันโครงการ Happy Life Happy Thailand เปิดอบรมทูตความสุขถึงรุ่นที่ 19 มีทูตความสุข 509 คน ที่เป็นบุคคลต้นน้ำส่งต่อทักษะความสุขให้คนไทยทั่วประเทศกว่า 12,000 คน  ครอบคลุม 77 จังหวัด 455 อำเภอ 1,822 ตำบล ซึ่งข้อมูลจากแบบสอบถามผู้รับการส่งต่อความสุข (ณ วันที่ 30 พ.ค.2563) จำนวน 6,804 คน พบว่า สัดส่วน 95% ได้รับประโยชน์และมีความสุขเพิ่มขึ้น, 60% มีความสุขเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% และ 18% มีความสุขเพิ่มขึ้น 200–1,000% เมื่อเทียบกับก่อนได้สัมผัสกับศาสตร์ความสุข และในกลุ่มตัวอย่างของผู้ได้รับการส่งต่อหรือบุคคลปลายน้ำมีความสุขเพิ่มขึ้นในชีวิต 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.Happy Mind เติบโตทางปัญญา/ภายใน 124% 2.Happy Family & Friend ครอบครัว/เพื่อน 68% 3.Happy Job งาน/ธุรกิจ 53% 4.Happy Leisure พักผ่อน/บันเทิง 44% และ 5.Happy Body สุขภาพกาย 34% ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่าความสุขเป็นทักษะที่ฝึกฝนและต่อยอดได้
นอกจากนี้ บริษัท ส่งสุขฯ ยังได้พันธมิตรหลักอย่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีภารกิจในการพัฒนาคนให้มั่นคงจากภายใน เข้าใจธรรมชาติของชีวิต ส่งเสริมสังคมแห่งการเกื้อกูล จิตอาสา ความรับผิดชอบร่วม เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มความเป็นธรรมทางสังคม รวมทั้งการสร้างคุณค่าให้เข้าถึงคนทุกระดับ สอดรับกับบริษัท ส่งสุขฯ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างคนคุณภาพที่มีจิตอาสาและมีทักษะการใช้ชีวิตที่สมดุล เป็นมิตร แข็งแรงจากภายในจิตใจ มีจริยธรรม พร้อมเป็นตัวแทนส่งมอบทักษะความสุขทั่วประเทศไทย ซึ่งการที่ สสส. เป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับระดับประเทศ มีภาคีเครือข่ายและอาสาสมัครทั่วประเทศ ถือเป็นโอกาสสำหรับการต่อยอดทูตความสุขออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
· สสส. หนุนโครงการทูตความสุขสร้างสังคมสุขภาวะ
 
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา และผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.มีภารกิจในการขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพของคนไทยให้มีสุขภาวะใน 4 มิติ คือ ร่างกาย จิตใจ ปัญญา และสังคม โดยร่วมกับบริษัท ส่งสุขฯ ดำเนินโครงการพัฒนาพลเมืองนักสื่อสารสุขภาวะ (ทูตความสุข) ภายใต้โครงการหลัก Happy Life Happy Thailand ด้วยศาสตร์การโค้ช เพื่อขยายจำนวนนักสื่อสารสุขภาวะที่มีทักษะความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทักษะการตระหนักรู้เท่าทันภายในตนเอง และการสะท้อนความคิด เป็นนักสื่อสารสุขภาวะที่เท่าทันสื่อ เท่าทันชีวิต และสร้างอิทธิพลต่อโลกรอบตัวอย่างสร้างสรรค์
การสร้างทูตความสุขจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต และสามารถส่งต่อทักษะความสุขให้กับผู้คนในชุมชน รวมทั้งพัฒนาเครือข่ายทูตความสุขให้ครอบคลุมทั่วประเทศ (National Ecosystem) เป็นชุมชนของผู้มีสุขภาวะทางปัญญา ฝึกฝนพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และใช้ศาสตร์การโค้ชเพื่อสุขภาวะทางปัญญาสำหรับคนในครอบครัว เพื่อร่วมงาน ชุมชน สังคม และประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญาที่มีภารกิจในการพัฒนาศักยภาพของนักสื่อสารสุขภาวะ เช่น ภาคีเครือข่ายของ สสส. ครู และบุคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อให้เกิดทักษะการสื่อสารและสร้างความร่วมมือ รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพการใช้สื่อเป็นเครื่องมือเพื่อนำไปสู่วิถีชีวิตสุขภาวะ ผ่านประสบการณ์ตรงจากกระบวนการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วม เกิดการเรียนรู้อย่างยั่งยืน และสามารถหาทางออกได้ด้วยตนเอง
 
ความสุขจากการต้องมี ต้องได้ หรือต้องทำเพื่อตัวเอง อาจไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเสมอไป ขณะที่ความสุขจากการทำเพื่อผู้อื่น เช่น การเป็นจิตอาสา การให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนอาจเป็นความสุขที่ยั่งยืนกว่า เพราะส่งผลถึงความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง ซึ่งทูตความสุขเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยพัฒนาคนเพื่อส่งต่อทักษะความสุขให้สังคมในวงกว้าง เป็นการพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ด้วยทักษะการโค้ชเป็นกระบวนการสร้างคนให้มีศักยภาพ เพื่อสังคมแห่งความสุข ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ต้องเริ่มที่ตัวเรา เพราะการส่งต่อความสุขให้ผู้อื่นได้ ตัวเราเองต้องมีความสุขก่อน ต้องมีทักษะการโค้ช ด้วยการฟังการถามอย่างเข้าใจ เพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์ และหาทางออกในการจัดการกับปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งทูตความสุขหนึ่งคนมีคุณูปการมหาศาลที่จะช่วยส่งต่อทักษะความสุขเพื่อสร้างสังคมแห่งความสุขที่แท้จริง  ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
· เจาะใจทูตความสุข รุ่น 6 ร่วมแชร์ภารกิจจิตอาสาส่งสุขทั่วไทย
 
ปิดท้ายที่เรื่องราวดีๆ จาก นายอนันต์ ศิลปี หรือ “ชาลีผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก ในฐานะ “ทูตความสุข รุ่น 6 ร่วมแบ่งปันประสบการณ์จากภารกิจในการคุ้มครองเด็กและเยาวชนซึ่งมีหน้าที่ในการฟื้นฟู แก้ไข เยียวยาเยาวชนที่กระทำความผิด และต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำให้ได้เห็นว่าสถาบันครอบครัวมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความสุขซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชนสามารถผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้  และสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือการสร้างความเข้าใจกับพ่อแม่และสังคมรอบข้าง ที่จะต้องเปิดใจและไม่ใช้ประสบการณ์หรือเอาความรู้สึกของตนเองไปตัดสิน 
 
พร้อมกันนี้ “ชาลี” ได้เล่าถึงกรณีตัวอย่างซึ่งเป็นเยาวชนหญิงอายุ 16 ปี ที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและถูกคนรอบข้างปฏิเสธทั้งพ่อแม่และคุณครู  โดยจากการพูดคุยกับเด็กพบว่าเด็กขาดความอบอุ่น เพราะพ่อแม่มีอาชีพค้าขาย ไม่มีเวลาให้ลูก มุ่งมั่นทำงานหาเงินเพราะไม่อยากให้ลูกลำบากเหมือนตนเอง  ซึ่งเหตุผลที่ทำให้พ่อแม่โกรธและปฏิเสธลูกก็เกิดจากการที่พ่อแม่เห็นภาพซ้ำในอดีตของตัวเองและได้รับการปฏิเสธจากพ่อแม่เช่นเดียวกัน  ในขณะที่ครูก็พยายามตามตัวเด็กให้กลับมาเรียนหนังสือ เพราะตอนที่ครูเป็นเด็กต้องใช้ความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากกว่าจะได้เป็นครูในวันนี้ แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจึงรู้สึกผิดหวังและปฏิเสธเด็ก  ดังนั้นตนจึงได้นำเครื่องมือที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการฯ  โดยในส่วนของพ่อแม่และคุณครู ได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Being หรือคุณสมบัติที่ดีของแต่ละบุคคล เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขามีต้นทุนหรือทรัพยากรอะไรอยู่ในตัวบ้าง ทำให้พ่อแม่เข้าใจลูกมากขึ้น  สำหรับเด็กก็เลือกใช้เครื่องมือ Vision of Success เพื่อให้เด็กกำหนดเป้าหมายด้วยตัวเองและเห็นภาพความสำเร็จของตัวเองในอนาคต
“ในฐานะทูตความสุข รู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้ส่งต่อทักษะการสร้างความสุข เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการช่วยเหลือเยาวชน คนในครอบครัว และคนรอบข้างอย่างบูรณาการ ด้วยการสร้างความแข็งแรงจากภายใน ใส่ใจดูแลความรู้สึกซึ่งกันและกัน มีการสื่อสารระหว่างกันอย่างเพียงพอ ซึ่งหากทุกคนมีทักษะการเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนรอบข้างอย่างลึกซึ้ง ก็จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้มั่นคงและยั่งยืน” ชาลี กล่าวทิ้งท้าย  
 
โครงการ Happy Life Happy Thailand มุ่งมั่นพัฒนาคนด้วยทักษะการโค้ช กับภารกิจในการสร้าง “ทูตความสุข” บุคคลต้นน้ำที่แข็งแรงจากภายในให้กับทุกตำบล สร้างเครือข่ายทูตความสุขที่จะร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตคนในสังคม สร้างทุนมนุษย์ที่แข็งแรง แบ่งปันทักษะการสร้างความสุข เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นสังคมที่มีความสุขอย่างยั่งยืน
www.mitihoon.com