การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ “ดิจิทัล” ของเอสเอ็มอีไทย จะเพิ่มมูลค่า 41,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับจีดีพีของไทย ภายในปี 2567

721

การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัลของเอสเอ็มอีในไทยจะเพิ่มมูลค่า 35,000-41,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับจีดีพีของไทย ภายในปี 2567 และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามผลการศึกษาความพร้อมทางด้านดิจิทัลของธุรกิจเอสเอ็มอีในเอเชีย-แปซิฟิก (Asia Pacific SMB Digital Maturity Study) ประจำปี 2563

การศึกษาดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นของธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งดำเนินการโดย International Data Corporation (IDC) โดยได้รับมอบหมายจากซิสโก้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีความพร้อมทางด้านดิจิทัลมากกว่าจะได้รับประโยชน์สองเท่าในแง่ของรายได้ และผลผลิตเมื่อเทียบกับธุรกิจที่ไม่สนใจเรื่องการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล

ธุรกิจเอสเอ็มอีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของไทย ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุว่า ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีคิดเป็นสัดส่วน 85.5% ของแรงงานทั้งหมดในไทย และสร้างมูลค่าให้จีดีพีถึง 43% ด้วยเหตุนี้ เอสเอ็มอีจึงมีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตหลังวิกฤตโควิด

ผลการศึกษาอ้างอิงผลการสำรวจความคิดเห็นของธุรกิจเอสเอ็มอีชี้ว่า 73% ของเอสเอ็มอีในไทยมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล เพื่อสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่แปลกใหม่ ขณะที่ 50% ของธุรกิจเอสเอ็มอี ตระหนักว่าคู่แข่งกำลังปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล และพวกเขาต้องก้าวตามให้ทัน ขณะที่อีก 23% กำลังดำเนินการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเพราะลูกค้าต้องการ

นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการซิสโก้ ประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า “ธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี เอสเอ็มอีเหล่านี้ยังมีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ หนึ่งในวิธีที่เราเห็นมากในช่วงโควิดก็คือ         เอสเอ็มอีมีการปรับใช้เทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นช่วงแพร่ระบาด

ขณะที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมและข้อจำกัดบางอย่าง และผู้บริโภคเริ่มหันมาจับจ่ายใช้สอยตามปกติอีกครั้ง การปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ของ เอสเอ็มอีจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการฟื้นฟูธุรกิจ และช่วยการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของไทย ซิสโก้มุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เอสเอ็มอีในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโดยอาศัยโซลูชั่นดิจิทัล และกลยุทธ์ที่เหมาะสม”

ผลการศึกษาระบุว่า การจัดซื้อหรืออัพเกรดซอฟต์แวร์ไอที (20%) เป็นการลงทุนที่เอสเอ็มอีไทยให้ความสำคัญมากที่สุด ตามมาด้วยการจัดซื้อและอัพเกรดฮาร์ดแวร์ไอที (15%) และการลงทุนในคลาวด์ (11%)

อย่างไรก็ตาม เอสเอ็มอีต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายเฉพาะหน้าในหลายๆ เรื่อง โดยผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การขาดแคลนทักษะด้านดิจิทัลและการเข้าถึงบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ (20 เปอร์เซ็นต์) เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดสำหรับเอสเอ็มอีในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานสู่ดิจิทัล รองลงมาได้แก่ การไม่มีโรดแมพในการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล (18 เปอร์เซ็นต์) และการขาดแคลนเทคโนโลยีที่จำเป็น (15 เปอร์เซ็นต์)

ด้านพินายธาน รอย กรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจขนาดเล็กประจำเอเชีย-แปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีนของซิสโก้ กล่าวว่า สำหรับเอเชีย-แปซิฟิก การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัลของเอสเอ็มอีจะเพิ่มมูลค่า 2.6 – 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 80 – 100 ล้านล้านบาทให้กับจีดีพีของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกภายในปี 2567 ทั้งนี้ ข้อมูลคาดการณ์ของไอดีซีระบุว่า จีดีพีของเอเชีย-แปซิฟิกจะเติบโตประมาณ 10.6 – 14.6 ล้านล้านดอลลาร์ และการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของเอสเอ็มอีคิดเป็นสัดส่วนถึง 25% ของการเติบโตดังกล่าว

ผลการศึกษาเน้นย้ำว่า เกือบ 70% ของเอสเอ็มอีในเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเร่งการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัลซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม 86% เชื่อว่าการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจเพื่อสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคตได้ ดังเช่นกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19

ภายในภูมิภาคนี้ เอสเอ็มอีในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่ม Digital Observer โดยการจัดอันดับไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปี 2562 อย่างไรก็ตาม จีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน และไทยได้แซงหน้าเกาหลี ฮ่องกง และมาเลเซียตามลำดับ นอกจากนี้ เอสเอ็มอีในอินโดนีเซียและเวียดนามมีความคืบหน้าในการดำเนินงานปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด

www.mitihoon.com