มิติหุ้น-ILM แจงผลงานครึ่งแรกปี 2563 ทำรายได้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 44.1% หลังใช้กลยุทธ์ปรับ Product Mix เพื่อรับมือ COVID-19 ในขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังสดใสตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาคึกคัก ย้ำยังคุมเข้มค่าใช้จ่าย-ลดสินค้าคงคลังต่อเนื่อง หนุนขีดความสามารถการทำกำไรดีขึ้น
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,080 ล้านบาท ปรับลดลง 16.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังไตรมาส 2/2563 ทำได้ 1,853 ล้านบาท ลดลง 23.6% เนื่องจากบริษัทฯ ต้องปิดสาขาไปเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 16 พฤษภาคม 2563 จากการประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์ประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศหยุดชะงัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในครึ่งแรกของปี 2563 ไว้ได้ในระดับสูงที่ 44.1% ปรับเพิ่มขึ้นจาก 44.0% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้มีการใช้กลยุทธ์ปรับ Product Mix เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น ในขณะที่สินค้าหมวดโต๊ะเก้าอี้สำนักงาน (Home Office) และหมวดของตกแต่งบ้าน ตลอดจนอุปกรณ์จัดเก็บ เป็นที่ต้องการในตลาดมากขึ้น หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลให้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพิ่มขึ้น รวมถึงผู้บริโภคมีพฤติกรรมหันมาให้ความสนใจกับการตกแต่งบ้านมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เดินหน้าควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงาน (SG&A) ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,515 ล้านบาท ลดลง 15.0% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากไตรมาส 2/2563 ค่าใช้จ่ายลดลงประมาณ 20% อยู่ที่ราว 707 ล้านบาท และกำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 132.7 ล้านบาท จากกำไรในไตรมาส 2/2563 ที่ 14.5 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรในไตรมาส 2/2563 ได้ แม้ต้องปิดสาขาไปร่วม 2 เดือน จากแรงหนุนของยอดขายออนไลน์และโครงการที่อยู่อาศัยที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น 375.1% และ 69.4% YoY ตามลำดับ
นางสาวกฤษชนก บอกเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจในภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2563 ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น หลังรัฐบาลคลายล็อคมาตรการคุมเข้ม COVID-19 รวมถึงทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในขณะที่บริษัทฯ เตรียมเพิ่มหมวดสินค้าและเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ๆ รวมไปถึงการขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ควบคู่ไปกับการเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง
“ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกคน แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่า ภาพเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมาคึกคัก แต่ขณะเดียวกันปัจจัยเสี่ยงด้านลบก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อผลักดันขีดความสามารถการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง” นางสาวกฤษชนกกล่าว
www.mitihoon.com