มิติหุ้น-“เอ็กโซติค ฟู้ด” หรือ XO อวดกำไรซอสส่งออกโตแรง งวด Q2/63 กำไรสุทธิอยู่ที่ 91.92 ล้านบาท โตกระฉูด 560.82% รายได้จากการขาย 339.34 ล้านบาท โต 61.48% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 41.84% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 27.09% บันทึกสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสและทำนิวไฮในทุกตัวเลข ดันงบงวดครึ่งปีแรก โกยกำไรอยู่ที่ 139.23 ล้านบาท โตกระโดดที่ 70.67% สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี ทำนิวไฮนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท รับอานิสงส์โควิด-19 กระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภคทำอาหารทานเองที่บ้าน หนุนสินค้ากลุ่มซอสได้รับการตอบรับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง ควบคู่การคุมต้นทุนวัตถุดิบ และอัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้น มั่นใจ แนวโน้มครึ่งปีหลังยังแจ่ม
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) (XO) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และ น้ำจิ้มต่างๆ , ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเครื่องประกอบอาหาร, ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูป และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ เปิดเผยถึง ความสำเร็จของผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2563 ทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 91.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 560.82% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 13.91 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 339.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.48% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 210.14 ล้านบาท สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 41.84% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 27.09% รับอานิสงส์สถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก และจากมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ส่งผลให้ร้านอาหารในต่างประเทศต้องปิดให้บริการ แต่เปิดให้บริการในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ความต้องการซอสปรุงรสและวัตถุดิบในการประกอบอาหารมีการขยายตัว คนนิยมประกอบอาหารทานเองที่บ้านมากขึ้น
สนับสนุนให้ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 139.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.67% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 81.58 ล้านบาท และเติบโตกว่าปี 2562 ทั้งปี ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 121.99 ล้านบาท ด้านรายได้จากการขายอยู่ที่ 611.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.41% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 512.36 ล้านบาท สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 38.23% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 22.76% ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ
สำหรับปริมาณการขายในงวดไตรมาส 2/2563 รวม 4,109 ตัน ส่วนใหญ่เป็นยอดขายสกุลเงินบาท 78.49% ลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนสกุลเงินยูโรมีสัดส่วนอยู่ที่ 4.52% และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 16.99% อย่างไรก็ดี สินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มเป็นกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทฯ มีสัดส่วนราว 80% ของยอดขายทั้งหมด อีกทั้งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงที่สุดในกลุ่ม มีอัตรากำลังการผลิตสินค้ากลุ่มซอสอยู่ที่ 62% ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ที่ดีมาก จากไตรมาส 1/2563 มีอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 49%
“ภาพรวมผลการดำเนินงานที่ออกมาเติบโตอย่างน่าประทับใจ ในท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลดีต่อสินค้าของบริษัทฯ ให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก โดยเราเห็นทิศทางยอดขายปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา คนเริ่มหันมาทำอาหาร
ทานเอง เป็น New Normal ที่ส่งผลดีต่อยอดขายกลุ่มซอสซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารในต่างประเทศ ขณะที่การบริหารจัดการภายในดีเยี่ยม ความสามารถในการควบคุมต้นทุนหลักของบริษัทฯ ได้แก่ น้ำตาล กระเทียม และพริก ที่เราล็อคราคาในระดับต่ำได้อย่างน้อยถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ดีมาก ประกอบกับอัตรากำลังการผลิตในระดับสูงขึ้น ทำให้ภาพรวมกำไรงวดไตรมาส 2/2563 เติบโตจากงวดไตรมาส 2/2562 และเติบโตจากงวดไตรมาส 1/2563 ที่ 560.82% และ 94.29% ตามลำดับ ทำสถิติใหม่ในทุกตัวเลข” นายจิตติพร กล่าว
สำหรับฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ อยู่ในต่างประเทศเกือบทั้งหมด รวมประมาณ 60 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักในทวีปยุโรป กว่า 83% เอเชียประมาณ 6% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ประมาณ 8% ส่วนที่เหลือเป็นทวีปอเมริกาและอื่นๆ
ทั้งนี้ ประเมินภาพรวมตลาดซอสส่งออกครึ่งปีหลัง จะยังคงได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และรอวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัส มองเป็นอานิสงส์ระยะยาวให้ผู้บริโภคหันมาทำอาหารทานเองที่บ้าน เกิดเป็นพฤติกรรมใหม่ และทานอาหารนอกบ้านน้อยลง สินค้าของบริษัทฯ อยู่ในกลุ่มอาหารที่เป็นครัวของโลก อาหารไทยได้รับความนิยม จึงคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดี โดยมีสินค้ากลุ่มซอสเป็นดาวเด่น นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเห็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าล่วงหน้าก่อนที่จะส่งของราว 4-6 อาทิตย์ จึงประมาณการณ์ตัวเลขในช่วงหลังจากนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย และมั่นใจ เป้ารายได้ปี 2563 ที่วางไว้จะเติบโต 10% จากปีก่อนมีรายได้ราว 999 ล้านบาท เชื่อจะสามารถทำได้มากกว่านั้น และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีนี้มากกว่า 35% ‘
www.mitihoon.com