ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี ปลื้มกำไรสุทธิไตรมาส 2 โตกว่า 316% จากการเติบโตของธุรกิจ   ไมโครชิพระบบลงทะเบียนสัตว์ มั่นใจศักยภาพธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

212
มิติหุ้น – ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส ปี 2563 คว้ากำไรสุทธิ 10.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316.63 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และรายได้รวม 74.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41 เปอร์เซ็นต์ โดยมีธุรกิจไมโครชิพระบบลงทะเบียนสัตว์เป็นตัวดันรายได้และกำไร เผยวิกฤตโควิด ปรับตัวมาใช้การติดต่อลูกค้าทางออนไลน์ ค่าใช้จ่ายเรื่องการขายและการตลาดลดลงอย่างมาก บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 มีรายได้ทั้งหมด 74.96 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (Immobilizer) 19.05 เปอร์เซนต์ กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ 51.81 เปอร์เซนต์ (Animal Identification) และระบบเข้าออกสถานที่ (Access Control) และระบบการอ่านข้อมูล (Interrogator) 27.54 เปอร์เซนต์  โดยบริษัทมีคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะต้องส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าภายใน ไตรมาส ปี 2564 มูลค่า 135.14 ล้านบาท

 นายมานพ ธรรมสิริอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT  เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส ปี 2563 ว่า ใน กลุ่มสินค้าหลักของบริษัท กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ มีรายได้เติบโตมากสุดที่ 27.57 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมากเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่สั่งสินค้าเพิ่ม ในส่วนกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ รายได้ลดลง 38.62 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากลูกค้าเร่งส่งมอบสินค้าไปบางส่วนไปในไตรมาสแรก และรายได้จากกลุ่มระบบเข้าออกสถานที่และระบบการอ่านข้อมูล ใกล้เคียงระดับเดิมและลดลงเพียง 0.69 เปอร์เซนต์

บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 10.75 ล้านบาท ซึ่งได้รวมลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ 4.15 ล้านบาท เอาไว้แล้ว

สำหรับช่วง เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 26.34 ล้านบาท และรายได้ทั้งหมด 170.17 ล้านบาท จาก กลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นหลัก  โดยแบ่งเป็นกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ 45.63 ล้านบาท กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal Identification) 77.43 ล้านบาท  และระบบเข้าออกสถานที่ (Access Control) และระบบการอ่านข้อมูล (Interrogator) 44.97 ล้านบาท  

บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไม่มากนัก ในไตรมาส 2 และสามารถปรับตัวเรื่องการขายและการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ได้เป็นอย่างดี โดยปรับแผนการเดินทางไปต่างประเทศมาเป็นการติดต่อกับลูกค้าทางออนไลน์ทั้งหมด ทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องการขายและการตลาดลดลงอย่างมาก” นายมานพ กล่าว

ในไตรมาส ของปี 2563 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 5.65 ล้านบาท คิดเป็น 7.53 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้จากการขายทั้งหมด ลดลงจาก 6.70 ล้านบาท ในไตรมาส ของปีก่อนหน้านี้ ซึ่งคิดเป็น 8.98 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการขาย

นายมานพ กล่าวว่า SICT คาดว่า วิกฤตโควิด-19 จะจบลงในไม่ช้า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและภาคเอกชนกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้ตามปกติหรือใกล้เคียงภาวะปกติให้มากที่สุด บริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพของธุรกิจไมโครชิพครึ่งปีหลังว่า จะยังคงสดใสและเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย

เราจะยังคงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลักและโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อรองรับธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโตอย่างมหาศาล อาทิ เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์เซนเซอร์ ที่เชื่อมต่อกับมือถือ โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การ์ด NFC ทดสอบคุณภาพน้ำ และโซลูชั่นตรวจสอบสินค้าปลอม” นายมานพ กล่าวทิ้งท้าย

www.mitihoon.com