มิติหุ้น –
ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2
ปี 2563
คว้ากำไรสุทธิ 10.75
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316.63
เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และรายได้รวม 74.96
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41
เปอร์เซ็นต์ โดยมีธุรกิจไมโครชิพระบบลงทะเบียนสัตว์เป็นตัวดันรายได้และกำไร เผยวิกฤตโควิด ปรับตัวมาใช้การติดต่อลูกค้าทางออนไลน์ ค่าใช้จ่ายเรื่องการขายและการตลาดลดลงอย่างมาก บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2
ปี 2563
มีรายได้ทั้งหมด 74.96
ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (Immobilizer)
19.05
เปอร์เซนต์ กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ 51.81
เปอร์เซนต์ (Animal Identification)
และระบบเข้า–
ออกสถานที่ (Access Control)
และระบบการอ่านข้อมูล (Interrogator) 27.54
เปอร์เซนต์ โดยบริษัทมีคำสั่งซื้อที่คาดว่าจะต้องส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าภายใน ไตรมาส 2
ปี 2564
มูลค่า 135.14
ล้านบาท
นายมานพ ธรรมสิริอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 ว่า ใน 3 กลุ่มสินค้าหลักของบริษัท กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ มีรายได้เติบโตมากสุดที่ 27.57 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมากเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่สั่งสินค้าเพิ่ม ในส่วนกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ รายได้ลดลง 38.62 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากลูกค้าเร่งส่งมอบสินค้าไปบางส่วนไปในไตรมาสแรก และรายได้จากกลุ่มระบบเข้า–ออกสถานที่และระบบการอ่านข้อมูล ใกล้เคียงระดับเดิมและลดลงเพียง 0.69 เปอร์เซนต์
บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 10.75 ล้านบาท ซึ่งได้รวมผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ 4.15 ล้านบาท เอาไว้แล้ว
สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 26.34 ล้านบาท และรายได้ทั้งหมด 170.17 ล้านบาท จาก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นหลัก โดยแบ่งเป็นกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ 45.63 ล้านบาท กลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal Identification) 77.43 ล้านบาท และระบบเข้า–ออกสถานที่ (Access Control) และระบบการอ่านข้อมูล (Interrogator) 44.97 ล้านบาท
“บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไม่มากนัก ในไตรมาส 2 และสามารถปรับตัวเรื่องการขายและการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ได้เป็นอย่างดี โดยปรับแผนการเดินทางไปต่างประเทศมาเป็นการติดต่อกับลูกค้าทางออนไลน์ทั้งหมด ทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องการขายและการตลาดลดลงอย่างมาก” นายมานพ กล่าว
ในไตรมาส 2 ของปี 2563 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 5.65 ล้านบาท คิดเป็น 7.53 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้จากการขายทั้งหมด ลดลงจาก 6.70 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปีก่อนหน้านี้ ซึ่งคิดเป็น 8.98 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการขาย
นายมานพ กล่าวว่า SICT คาดว่า วิกฤตโควิด-19 จะจบลงในไม่ช้า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและภาคเอกชนกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจได้ตามปกติหรือใกล้เคียงภาวะปกติให้มากที่สุด บริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพของธุรกิจไมโครชิพครึ่งปีหลังว่า จะยังคงสดใสและเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย
“เราจะยังคงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลักและโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อรองรับธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโตอย่างมหาศาล อาทิ เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ เกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์เซนเซอร์ ที่เชื่อมต่อกับมือถือ โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การ์ด NFC ทดสอบคุณภาพน้ำ และโซลูชั่นตรวจสอบสินค้าปลอม” นายมานพ กล่าวทิ้งท้าย
www.mitihoon.com