มิติหุ้น – COM7 ประกาศผลงาน Q2/63 ทำรายได้กว่า 7,775 ลบ. กำไร 275 ลบ. แม้อยู่ในสถานการณ์ล็อกดาวน์ที่ต้องปิดสาขานานกว่า 1 เดือน จากกลยุทธ์เปลี่ยนสำนักงานใหญ่เป็นคลังสินค้า การขายออนไลน์ และการไดร์ฟทรู ประสบความสำเร็จ ตามความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ความสำเร็จในการจัดแคมเปญให้เช่าในช่วง Work From Home สะท้อนการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และการบริหารจัดการภายใน คงความสามารถในการทำกำไรที่ดีได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มองครึ่งปีหลังฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก รับปัจจัยบวกจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ และ 5G กระตุ้นตลาดไอทีให้คึกคัก รวมทั้ง การกลับมาเปิดสาขาได้ตามปกติ ณ สิ้นมิถุนายน มี 779 สาขา และคาดสิ้นปีมีมากกว่า 955 สาขา ควบคู่การขยายช่องทางออนไลน์ และช่องทางใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และวางเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10%
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมาของบริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตของยอดขายและกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่มีการล็อกดาวน์ (Lock down) ภาครัฐบาลได้มีมาตรการปิดเมืองบางส่วน ปิดห้างสรรพสินค้า ทำให้ต้องปิดสาขาของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราว ทั้งในกรุงเทพมหานครและในบางจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ถึง 17 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา รวมไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ทีมบริหารจึงให้ความสําคัญกับการปรับตัวในการดําเนินธุรกิจเพื่อรักษาและคงการเติบโตของรายได้จากหน่วยธุรกิจต่างๆ หาแนวทางในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานเพื่อคงกระแสเงินสดและความสามารถในการทํากําไร
“เป็นความท้าทายในการบริหารงานในช่วง COVID-19 ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มรุนแรงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องทยอยปิดสาขาอย่างต่อเนื่องเป็นการชั่วคราว โดยในเดือนเมษายนต้องปิดสาขาสูงสุดเป็นจำนวน 594 สาขา และมีสาขาที่เปิดให้บริการเพียง 185 สาขา ซึ่งเป็นสาขาที่อยู่ในต่างจังหวัดและไม่ใหญ่มากนัก อย่างไรก็ดี COM7 พยายามปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ควบคุมความเสี่ยง และกระจายโอกาสไปยังช่องทางการขายใหม่ๆ ด้วยความพร้อมของพนักงานทุกคนที่เป็นกำลังสำคัญ จึงทำให้สถานการณ์ในครั้งนี้ผ่านพ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ดี บริษัทฯ กลับมาเปิดสาขาทั้งหมดได้ตามปกติในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ในรูปแบบ New Normal โดยภาพรวมสถานการณ์หลังคลายล็อกดาวน์ ยังอยู่ในเชิงบวก ยอดขายผ่านสาขามีทิศทางเติบโตขึ้น” นายสุระ กล่าว
นอกจากนี้ COM7 มีแผนขยายช่องทางการจัดจําหน่ายอย่างต่อเนื่อง และยังคงมองโอกาสในการเพิ่มช่องทางการขายอื่นๆ เช่น การรุกตลาดออนไลน์, การจําหน่ายสินค้า Click & Collect แบบ Drive Thru, เปิดร้าน
Pop-Up Store ที่สํานักงานใหญ่ และยังวางแผนการเปิดร้านแบบ Stand-Alone เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน
โดยผลประกอบงวดไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 7,775.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9 ล้านบาท หรือ 0.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,769.2 ล้านบาท เติบโตจากสาขาในช่วงที่เปิดให้บริการ และการขยายช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ เพิ่มเติม และมีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 274.5 ล้านบาท ลดลง 19.7 ล้านบาท หรือ 6.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 294.2 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 ที่บันทึกในปี 2563 รวม 30 ล้านบาท และกระทบในส่วนของไตรมาส 2 จำนวน 17 ล้านบาท ขณะที่ งวด 6 เดือนแรกปี 2563 มีรายได้รวม 15,970.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15,404.3 ล้านบาท และมีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 562.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 544.3 ล้านบาท
ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทรวม 779 สาขา แบ่งเป็น Banana 247 สาขา Studio7 101 สาขา KingKong Phone 97 สาขา True Shop by COM7 123 สาขา แฟรนไชส์ 86 สาขา BKK 50 สาขา iCare 27 สาขา และอื่นๆ 48 สาขา คาดสิ้นปี 2563 มีสาขารวมมากกว่า 955 สาขา
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายแบ่งเป็น 2 ช่องท่าง ได้แก่ ช่องทางธุรกิจค้าปลีก (B2C) ในไตรมาส 2/2563 และในไตรมาส 2/2562 มีสัดส่วน 86% และ 95% ตามลำดับ ลดลงจากการปิดสาขาเป็นการชั่วคราว ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สำหรับ ช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากช่องทางการบริหาร True Shop , Online , B2B และ B2G มีสัดส่วน 14% และ 5% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นจากการปรับกลยุทธ์ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ COM7 รุกการขายสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น และมีการเติบโตสูงมาก สอดคล้องกับนโยบายบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา ทำให้มีความพร้อมในการบริหารจัดการและคลังสินค้า เพื่อรองรับการเติบโตในช่องทางนี้ และสอดคล้องกับพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค รวมถึง การจัดแคมเปญ ให้เช่า Notebook ตอบรับกระแส Work From Home และเพิ่มช่องทางธุรกิจไปในส่วนขององค์กรและภาครัฐบาล ทำให้สัดส่วนรายได้ในช่องทางนี้เติบโตอย่างน่าประทับใจ
สำหรับภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังมองฟื้นตัว และมีแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากกำลังซื้อในประเทศ และสถานการณ์ COVID-19 ที่มีทิศทางเชิงบวกมากขึ้น รวมทั้ง การกลับมาเปิดสาขาได้ตามปกติทุกสาขา สินค้าไอทีและสินค้าเทคโนโลยีเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการสูง COM7 ได้ขยายโอกาสไปในสินค้ากลุ่มอื่นๆ มากขึ้น พร้อมทั้งปรับตัวในการดําเนินธุรกิจ และการหาช่องทางการขายใหม่ๆ เน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการระบายสินค้าเพื่อให้ได้รับเงินสดและเตรียมรองรับสินค้ารุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้ง ได้รับปัจจัยบวกจากการมาของเทคโนโลยี 5G และกลุ่มสินค้า IoT Smart Home และ Smart Health รวมไปถึง การนำเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการเรียนการสอน การบริหารจัดการภายในองค์กร เทคโนโลยีด้านการเกษตร และอื่นๆ อีกมากมาย ประเมินปี 2563 แม้เป็นปีที่ท้าทางของบริษัทฯ แต่เชื่อว่ารายได้จะยังคงเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว โดยตั้งเป้าหมายเติบโต 10% จากปีก่อน
www.mitihoon.com