SCM เปิดมิติใหม่ ไลฟ์สดโชว์ศักยภาพ ธุรกิจเครือข่ายแบรนด์ไทยแห่งแรกที่เข้าระดมทุนตลาด SET ชูจุดเด่นสินค้ามีคุณภาพ สมาชิกกว่า 1.8 แสนคนทั่วประเทศ

308

มิติหุ้น-SCM ผู้นำธุรกิจเครือข่ายชั้นนำของประเทศที่มีสมาชิกกว่า 1.8 แสนคน และมีตัวแทนขายในต่างประเทศกว่า 6 ประเทศทั่วภูมิภาคอาเซียน เปิดมิติใหม่โรดโชว์ไลฟ์สด อวดศักยภาพธุรกิจเครือข่ายแบรนด์ไทยแห่งแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ชูจุดเด่นสินค้าตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุค New Normal และสังคม Aging Society ที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพ โชว์ยอดขายกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี

 

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์  กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เปิดเผยว่า “ถือเป็นการเปิดมิติใหม่สำหรับการโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนได้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SCM ในฐานะบริษัทเครือข่ายแบรนด์ไทยแห่งแรกที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ภายในปีนี้

 

“การโรดโชว์ผ่านการไลฟ์สดในวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน ร่วมชมไลฟ์สดมากกว่า 2,000 ราย ที่สำคัญผู้บริหาร SCM ได้โชว์วิสัยทัศน์ให้เห็นถึงภาพรวมธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ฐานะการเงินมั่นคง โดยในช่วงที่ผ่านมามียอดขายต่อปีสูงถึง 1,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสทางธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อีกมากจากการลงทุนในโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด” หรือ SMI  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด กอรปกับและความแน่ชัดของข้อกฏหมายขายตรงในประเทศเมียนมาที่มีแนวโน้มชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต”

 

ทั้งนี้ SCM มีแผนระดมทุนผ่านการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.00 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลัง IPO

 

นายแพทย์ สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM กล่าวว่า “บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้สำหรับแผนการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า สอดรับกระแสผู้บริโภคในยุค New Normal และสังคม Aging Society ที่คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต”

SCM ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคในรูปแบบเครือข่ายผ่านนักธุรกิจในประเทศและตัวแทนจัดจำหน่ายต่างประเทศอีก 6 ประเทศ ทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

  1. กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ จำแนกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.2) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 1.3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว 1.4) กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าใช้ในครัวเรือน 1.5) กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 1.6) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
  2. กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ซัคเซส สปิริต จำกัด (SPT) และ SCM Spirit (Myanmar) Co., Ltd.  (SPM) เพื่อสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายในประเทศ และตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่มีเครือข่ายสมาชิกและฐานลูกค้าเป็นของตนเอง และ
  3. กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ดำเนินธุรกิจโดยบริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด (SML) และน้องใหม่ บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด (SMI) ที่เป็นบริษัทที่ SCM เข้าลงทุนในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยจะดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงงานผลิตสินค้าเฉพาะภายในกลุ่มบริษัท

CEO นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM กล่าวว่า “SCM ถือเป็นธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคในรูปแบบ Network Marketing แบรนด์ไทยแห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET สะท้อนให้เห็นว่า เราคือ ‘ตัวจริง’ เห็นได้จากยอดขายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทะยานขึ้น 1 พันล้านบาท ต่อปี โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือการที่เรามีฐานสมาชิกเหนียวแน่น โดย SCM มีเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศมากกว่า 1.8 แสนราย โดยบริษัทฯ มีรายได้ติดอยู่ในอันดับ TOP 10 ระดับ 1,000 ล้านบาท จากกว่า 400 บริษัทเครือข่ายในประเทศไทย

โดยบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อที่จะขยายธุรกิจออกไป และทำให้กิจการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนในอนาคต โดยมุ่งเน้นปัจจัยแห่งความสำเร็จ 4 ประการหลัก ได้แก่

  • การสร้างแบรนด์ SUCCESSMORE และแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่ง มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
  • การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้นักธุรกิจสามารถทำการตลาดได้อย่างคล่องตัว มีทางเลือกครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน

3)       การพัฒนาทรัพยากรบุคคล ทั้งพนักงานภายในบริษัทและนักธุรกิจในด้าน Mindset และ Skill sets

4)       การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีค่านิยมส่งเสริมความสำเร็จร่วมกัน มุ่งเน้นความสำเร็จ ผ่านความใส่ใจลูกค้าการพัฒนาตน ความซื่อสัตย์ไว้วางใจได้ การทำงานเป็นทีม และการแบ่งปัน

ทั้งนี้SCM มุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์คนไทย ที่ไม่ใช่แค่แข่งขันในธุรกิจเครือข่ายในประเทศเท่านั้น แต่เราต้องการเป็นแบรนด์คนไทยที่แข่งขันในระดับอินเตอร์ได้” 

“สิ่งที่สำคัญที่เรามุ่งเน้นคือการสร้างแบรนด์ “ซัคเซสมอร์” หรือ “SCM” ให้แข็งแกร่ง เพื่อตอกย้ำ Brand Essence ของเราด้วยการส่งมอบคุณค่า ให้คนมีสุขสุขภาพที่ดีขึ้นจากการใช้สินค้า มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยแนวคิดการสร้างชุมชน Wellness & Well-being และเครื่องมือทางธุรกิจที่บริษัทฯ มอบให้ ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม SCM ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน พร้อมส่งมอบคุณค่าในเรื่องการแบ่งปัน ช่วยเหลือสังคม และยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น” CEO นพกฤษฏิ์สรุป

www.mitihoon.com