EE กำไรเทริ์นอะราวด์-บุ๊กโรงไฟฟ้าSSUTถึง240MW

861

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงาน “บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี หรือ EE” ดำเนินธุรกิจขายสินค้าการเกษตรและพลังงาน โดย “แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 3/63 จะเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่สามารถพลิกทำกำไรสุทธิ 40.35 ล้านบาท จากไตรมาส 1/63 ที่ขาดทุนสุทธิ 29.34 ล้านบาท

บุ๊กส่วนแบ่งพลังงาน 240MW

เนื่องจาก EE จะมีส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจาก “โรงไฟฟ้า SSUT” เพราะได้ปรับปรุงขบวนการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง “โรงไฟฟ้า SSUT” ผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกันเป็นระบบ Cogeneration โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานหลักขนาด 240 MW แบ่งเป็นจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 180 MW และ จำหน่ายไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการในนิคมฯบางปูอีก 60 MW  โดย EE ถือหุ้น“โรงไฟฟ้า SSUT” สัดส่วน 25% และเตรียมซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีกด้วย

โดยสภาวะการแข่งขันนั้น ปัจจุบัน EE มีคู่แข่งขันอยู่ 1 ราย คือโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว 1 แห่ง กำลังผลิตติดตั้ง 120 MW ได้เริ่มซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.42 อายุสัญญา 21 ปี จะหมดสัญญาในปี 63 โรงไฟฟ้าแห่งนี้ดำเนินการผลิตมาแล้วกว่า 20 ปี ความมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าและคุณภาพของแรงดันไอน้ำอาจจะลดลง และหากเปรียบเทียบกับ “โรงไฟฟ้า SSUT”ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการจะมีความมั่นคงและเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้า มีคุณภาพและแรงดันผลิตไฟฟ้ามากกว่าโรงไฟฟ้าที่ดำเนินงานมานาน ดังนั้น “โรงไฟฟ้า SSUT” จึงสามารถตั้งราคาขายไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการนิคมฯโดยมีการให้ส่วนลดจากราคาที่ลูกค้าซื้อจากกฟน. จึงทำให้ “โรงไฟฟ้าเอสเอสยูที” มีความสามารถในการแข่งขันในนิคมอุตสาหกรรมบางปูได้

ซุ่มดีลพลังงาน 25MW-ล้างขาดทุน

พร้อมกันนี้ทีมผู้บริหาร EE ยังมีความมุ่งมั่นศึกษาความเป็นไปได้การร่วมทุน หรือ เทกโอเวอร์ เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ 3โครงการรวม 25 MW ได้แก่ 1.โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มภาคตะะวันออกเฉียงเหนือ 4 MW , 2.โรงไฟฟ้าโซลาร์ลอยน้ำ 20 WM และโครงการโซลาร์รูฟ 1 MW คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไป ดังนั้นทั้งปี 2563 มั่นใจผลงานจะเติบโตต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำกำไรไปทยอยล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด

www.mitihoon.com