NEX แจงซื้อหุ้น “แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี” เสริมแกร่ง ลั่นเป็นเจ้าแรกในไทยผลิตรถไฟฟ้าได้เอง คาดรายได้ปีแรกเฉียด 1 หมื่นลบ.-IRR สูงลิ่ว 18%

426

มิติหุ้น – NEX แจงซื้อหุ้น “แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี” 45% หนุนธุรกิจโตทะยาน หลังลุยรถบัสไฟฟ้าและดีเซล-รถมินิบัสไฟฟ้าและรถตู้ไฟฟ้า เต็มสูบ ลั่นเป็นผู้ผลิตในประเทศรายแรกที่สามารถประกอบรถไฟฟ้าได้เอง เปิดรายได้ปี 64 เฉียด 1 หมื่นล้านบาท กำไร 565 ล้านบาท IRR กว่า 18%

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) NEX เปิดเผยว่า การเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) จากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน ได้แก่ About Click Company Limited คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ AAB คิดเป็นจำนวนเงิน 218.25 ล้านบาท และเงินเพิ่มทุนจดทะเบียนใน AAB ภายหลังจากรายการซื้อหุ้นสามัญข้างต้นอีกจำนวน 67.50 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 285.75 ล้านบาท โดยบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 7 สิงหาคม 2563

“การเข้าลงทุนใน AAB จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต โดยปัจจุบัน AAB ประกอบธุรกิจ ผลิต ประกอบ และจำหน่ายรถบัสไฟฟ้า และดีเซล รวมถึงรถมินิบัสไฟฟ้าและรถตู้ไฟฟ้า โดยมีกำลังผลิตสูงสุดที่ 3,000 คันต่อปี”

นายคณิสสร์ กล่าวว่า NEX ได้เริ่มการประกอบธุรกิจให้บริการรถบัสโดยสารให้เช่า (Financial Lease) ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 และล่าสุดได้เข้าลงทุนในบริษัท เบลี่ เซอร์วิส จำกัด เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทไปสู่ธุรกิจนำเข้ารถบัสโดยสาร หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมทั้งให้บริการหลังการขาย และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับรถบัสโดยสารทุกประเภท รวมทั้งจำหน่ายอะไหล่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับรถบัสโดยสาร

“ในการนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจรถบัสโดยสารของบริษัทให้ครบวงจรมากขึ้น บริษัทได้รับข้อเสนอทางธุรกิจที่น่าสนใจดังกล่าวจาก Mr. Kwan Lai Pheng ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ของ About Click Company Limited และเล็งเห็นว่าธุรกิจผลิตรถบัสไฟฟ้า และดีเซล รวมถึงรถมินิบัส และรถตู้ไฟฟ้า ของ AAB มีความน่าสนใจ และมีศักยภาพ เนื่องจาก AAB เป็นผู้ดำเนินธุรกิจประกอบรถบัสและรถบัสไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีการใช้พลังงานไฟฟ้าจะเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมากในอนาคต และคาดว่าจะเป็นกระแสความต้องการหลักของโลก เนื่องจากความต้องการลดปัญหาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และความต้องการที่จะลดมลภาวะทางอากาศจากกิจกรรมการขนส่งของโลก”

นอกจากนั้น ณ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีผู้ผลิตรายใดที่มีศักยภาพในการประกอบรถไฟฟ้าได้เอง การใช้งานในปัจจุบันจะเป็นการนำเข้ารถไฟฟ้าจากต่างประเทศ AAB จะเป็นผู้ผลิตในประเทศรายแรกที่สามารถประกอบรถไฟฟ้าได้เอง ดังนั้นบริษัทจึงคาดการณ์ว่าธุรกิจของ AAB มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต และสามารถส่งเสริมธุรกิจปัจจุบันของบริษัทให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับบริษัท อันอาจก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯได้ประมาณการในเบื้องต้นถึงผลประกอบการในปี 2564 – 2573 ของ AAB โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ในช่วง ประมาณ 3,000-9,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ในช่วงประมาณ 60-500 ล้านบาท โดยในปี 2564 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 9,607.55 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 656.31 ล้านบาท

www.mitihoon.com