มิติหุ้น – นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” โดยในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สร้างแพลตฟอร์ม “SET Social Impact” เชื่อมโยงภาคธุรกิจที่มีทรัพยากรและประสบการณ์ ได้ทำงานร่วมกับภาคสังคม ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเกิดการพัฒนาที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ขยายผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมเป็นทวีคูณ ผ่านบทบาทนำของผู้ประกอบการทางสังคม (Social Enterprise: SE) ทั้งนี้ การขับเคลื่อนที่สำคัญคือการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ (Ability Building) ให้แก่ธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการพัฒนา SE แล้วกว่า 2,000 ราย ผ่านโครงการเรียนรู้ที่ครบกระบวน (Learning Journey) โดยมีโครงการ SET Social Impact Gym เป็นหนึ่งในกระบวนการส่งเสริมผู้ประกอบการเพื่อสังคมให้เติบโตได้อย่างเข้มเข็ง
“ในปีนี้ SET Social Impact Gym 2020 ภายใต้แนวคิด “Idea to I Done” เน้นการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ เพื่อการแก้ไขปัญหาสังคม เพราะนอกเหนือจากที่เราคาดหวังให้ SE เติบโตอย่างแข็งแกร่งและขยายผลลัพธ์ทางสังคม (Social Impact) ไปในวงกว้างแล้ว ทางโครงการยังมีแนวทางให้ SE ที่ร่วมงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ มีส่วนในการเยียวยาวิกฤตทางสังคมและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ด้วย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ผนึกความร่วมมือกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และตลาดหลักทรัพย์ฯ รวม 34 ท่าน และผู้บริหารระดับสูงของตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมเป็นโค้ชอาสา ซึ่งเราเรียกว่า “Prolunteer” มาจาก Professional และ Volunteer กล่าวคือ ผู้บริหารจากตลาดทุนมุ่งสร้างศักยภาพและประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการ ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จแก่ธุรกิจเพื่อสังคม โดยผู้บริหารจิตอาสาได้เข้าร่วม Re-skill ทักษะการถ่ายทอด และศึกษานวัตกรรมธุรกิจของแต่ละ SE ที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ธุรกิจเพื่อสังคมที่เข้าร่วมโครงการในปีนี้ ถือว่ามีศักยภาพที่พร้อมต่อยอดธุรกิจและขยายผลลัพธ์ (Impact Outcome) โดยครอบคลุมเป้าหมายทางสังคมทั้งด้านการศึกษา เกษตรกรรม พัฒนาชุมชน ผู้เปราะบาง สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ” นายภากรกล่าว
นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล นายกสมาคม บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) กล่าวว่า โครงการ SET Social Impact Gym 2020 มีผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าร่วมเป็นอาสาถึง 34 ราย โดยจะร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ในฐานะ Prolunteer กล่าวคือ ร่วมทำหน้าที่เป็น Coach, Mentor และ Advisor แก่ธุรกิจเพื่อสังคม ตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยในปีนี้ผู้บริหารจาก maiA ยังได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรการอบรมเชิงปฏิบัติการ ในโปรแกรมเตรียมการ SE102 เพื่อสร้างความพร้อมให้กับ SE ก่อนเข้าสู่โปรแกรม Social Impact Gym โดยผู้บริหารทุกท่านที่เข้าร่วมเป็นอาสาเห็นว่า การมีส่วนร่วมภายใต้โครงการ Gym นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนความตั้งใจหรือแนวคิดของผู้บริหารใน maiA ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) และบทบาทของภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการส่งต่อศักยภาพ (Talent) สร้างทางลัดในการเติบโตทางธุรกิจเพื่อการขยายผลลัพธ์ทางสังคม ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกัน ด้วยหมุดหมายที่จะให้การพัฒนาสังคมไม่เป็นไปอย่างฉาบฉวย แต่ขับเคลื่อนได้อย่างยั่งยืนด้วยองค์กรประเภทธุรกิจเพื่อสังคมที่เข้มแข็ง
“Prolunteer ทุกคนทั้งจากบริษัทจดทะเบียนใน mai และผู้บริหารจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังว่าจะได้เห็นความตั้งใจ โมเดลนวัตกรรมของ SE รุ่นใหม่ และร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลง (Change) การแก้ไขปัญหาสังคมอย่างได้ผล ทั้งนี้ ในฐานะผู้แทนโค้ชทุกท่านรู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ เพื่อสร้างผู้ประกอบการเพื่อสังคมรุ่นใหม่ และในทางกลับกันถือเป็นโอกาสให้พวกผมได้เรียนรู้แนวคิดและได้รู้จักกับธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งถือเป็นกระบวนการเรียนรู้จากทั้ง 2 ฝั่ง และอาจนำไปสู่การร่วมทุนหรือต่อยอดระหว่างกันในอนาคต” นายไตรสรณ์กล่าว
โครงการ SET Social Impact Gym 2020 เป็นเวิร์กชอปเข้มข้นพัฒนาศักยภาพ SE แบบตัวต่อตัวใน 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1) Business Warm Up: Social Impact Creation 2) Burn Fat: How to Super Lean 3) Body Fit & Firm: Decision Making & Growth Mindset 4) Build Muscle: Leadership of the Next Betterment และ 5) Six Pack Day : Speech Day โดย SE ที่เข้าร่วมจะต้องผ่านหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ SE102 เพื่อให้เข้าใจทั้งเชิงทฤษฎีและการปฏิบัติจริง ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา SET Social Impact Gym ได้พัฒนาศักยภาพ SE แล้ว 46 ราย และสามารถต่อยอดร่วมกับภาคธุรกิจและหน่วยงานเอกชนแล้วกว่า 200 โครงการ ทั้งนี้ SE ที่สนใจพัฒนาศักยภาพ ดูรายละเอียดได้ที่ www.setsocialimpact.com
www.mitihoon.com