ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไพโอเนียร์ มอเตอร์ หรือ PIMO ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์ โดย “นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล” กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปี 63 มั่นใจกำไรสุทธิจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) และตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 5-10% จากปีก่อน ขณะที่ปี 64 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 20% จากปีก่อน
โชว์ผลงานQ3พีคแรง
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/63 คาดผลงานจะเติบโตสูงสุดแห่งปี เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าสหรัฐฯได้เข้ามาเจรจาสั่งออเดอร์มอเตอร์ BLDC pool pump ล่วงหน้ายาวไปจนถึงไตรมาส 1/64 และสั่งออเดอร์มอเตอร์สระว่ายน้ำ AC ยาวถึงเดือน ต.ค.63 จนปัจจุบันกำลังผลิตเต็ม 100%
ทั้งนี้บริษัทยังเดินหน้าเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆต่อเนื่อง ล่าสุดมีบริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกา “Speck Pumps” เข้ามาเจรจาสั่งออเดอร์ BLDC pool pump ล็อตใหญ่ ซึ่งบริษัทเตรียมนำสินค้าตัวอย่างให้ลูกค้าพิจารณา โดย “Speck Pumps” มีความต้องการ BLDC pool pump สูงถึง 400 ลูก/วัน ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าจะได้รับส่วนแบ่งจากออเดอร์ดังกล่าว
ดังนั้นบริษัทเตรียมทุ่มงบ 100 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มกำลังผลิตมอเตอร์ BLDC pool pump เฟสแรกเป็น 120 ลูก/วัน คาดจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือน พ.ย.63 นี้ จากปัจจุบันผลิตเพียง 60-70 ลูก/วัน และในปี 64 จะเพิ่มเป็น 240ลูก/วัน และ 400 ลูก/วัน ตามลำดับ สำหรับมอเตอร์สระว่ายน้ำ AC ปัจจุบันผลิตได้ 400 ลูก/วัน โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือกว่า 100 ล้านบาท และยังสามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย
ปั๊มรายได้แตะ1พันล.
ภายในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 1 พันล้านบาท เพราะบริษัทจะได้รับอานิสงส์ วันที่ 18 ก.ค.64 นี้ทางการสหรัฐจะมีผลบังคับใช้มอเตอร์ BLDC pool pump เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนมอเตอร์สระว่ายน้ำ AC ทำให้ตลาด BLDC pool pump ในสหรัฐเติบโตอีก “หลายเท่าตัว” ซึ่งส่งผลดีต่อ PIMO ทำให้มีโอกาสได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็น “เท่าตัว”ภายในระยะอันใกล้นี้
“การที่มอเตอร์ BLDC pool pump เป็นสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูงมาก เมื่อเทียบกับปั๊มสระว่าน้ำทั่วไปที่ให้มาร์จิ้นเพียง 10% เท่านั้น ดังนั้นทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นในทุกปี” นายวสันต์ กล่าว
ผนึกพันธมิตรดันกำไรเกิน110%
“นักวิเคราะห์หลักทรัพย์” เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำ “เพิ่มน้ำหนัก” เข้าลงทุนในหุ้น PIMO เพราะนอกจากธุรกิจ“มอเตอร์”จะมีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามาจนกำลังผลิต100% แล้ว ยังมีประเด็นเชิงบวกที่ต้องติดตาม คือ การศึกษาเข้า “ซื้อกิจการ” หรือ “ร่วมทุน” พันธมิตรนอกตลาดเพื่อลงทุน “ระบบจอดรถอัตโนมัติ” ซึ่ง PIMOมีนโยบายเข้าถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% โดยบริษัทดังกล่าวที่มีรายได้เฉลี่ย 200 ล้านบาท/ปี และ กำไรเฉลี่ยราว 40-50 ล้านบาท/ปี
ดังนั้นหาก PIMO สรุปร่วมทุนครั้งนี้ จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น “หลายเท่าตัว” อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมประเด็นดังกล่าวไว้ในประมาณการณ์ โดยทั้งปี 63 คาดกำไรสุทธิทำนิวไฮที่ 60 ล้านบาท เติบโต 110% จากปีก่อน ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 2.40 บาท
www.mitihoon.com