“มั่นคงฯ ปักหมุดรุกธุรกิจเพื่อสุขภาพประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ “บำรุงราษฎร์ – ไมเนอร์ฯ” ผุดเมกะโปรเจคต์ “รักษ”

540

มิติหุ้น –  มั่นคงฯ เดินหน้ารุกตลาดธุรกิจเพื่อสุขภาพ (Medical Wellness) ดึงมือหนึ่งในทุกด้านร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ประกาศความร่วมมือ “บำรุงราษฎร์” และ “ไมเนอร์ฯ” ผุดเมกะโปรเจคต์ “รักษ(รักษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fully Integrative Wellness & Medical Retreat” มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท โดดเด่นด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและศาสตร์การดูสุขภาพแบบองค์รวมพร้อมบริการที่ทันสมัย เพื่อพัฒนาไปสู่ระดับ World-Class Medical Wellness Destination พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ไตรมาส 4/2563 มั่นใจโครงการนี้จะเป็นแรงหนุนสำคัญของ “มั่นคงฯ” ตอกย้ำความสำเร็จในดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap) ของบริษัทฯ คาดดันกำไรฝั่งธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ Recurring Income เป็นสัดส่วน 50:50 ภายในปี 64  

 นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจ ครั้งยิ่งใหญ่ ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap) ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจเพื่อขายและธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income)    ให้มีสัดส่วนกำไรที่ 50:50 ภายในปี 2564 ด้วยการพัฒนาโครงการ รักษ (รักษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชียขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fully Integrative Wellness & Medical Retreat” ซึ่งเป็นการนำเอาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้มาตรฐานสากลมาใช้ร่วมกับศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม โดยเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมเปิดให้บริการ ในเดือนธันวาคม 2563 นี้   

 MK เป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยมายาวนานมากกว่า 60 ปี จนมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและทีมบริหารใหม่ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่จะนำบริษัทเข้าสู่ธุรกิจรายได้ประจำหรือ Recurring Income โดยเน้นธุรกิจเพื่อเช่าและธุรกิจเพื่อการบริการ ทั้งนี้หากลองพิจารณาดูจากศักยภาพและการแข่งขัน ของประเทศไทยในแง่ธุรกิจการแพทย์นั้น ถือว่าเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้เราก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสุขภาพ 

 ด้วยการพัฒนาโครงการ รักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมขึ้น โดยตั้งเป้าให้เป็น World-Class Medical Wellness Destination จึงได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับ ในระดับนานาชาติอย่าง ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ รพ.บำรุงราษฎร์ ที่มีความเชี่ยวชาญและโดดเด่น  ด้านการดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย ด้วยการที่บริษัทฯ มีพาร์เนอร์เป็นสถาบันทางการแพทย์ ทำให้สามารถให้บริการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้หลากหลายแขนง ยิ่งไปกว่านั้นการได้ร่วมมือกับ ไมเนอร์ฯ ที่มีความเป็นมือหนึ่งในด้าน Hospitality การดูแลและบริหารจัดการห้องพักระดับลักซัวรี่ทั่วทุกทวีปโลก ร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นอยากเป็นรูปธรรม สอดคลองกับแผนแนวทางยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศไทย (พ.ศ.2560-2569) ของกระทรวงสาธารณสุข โดย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ทั้งยังสนับสนุนนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical and Wellness Tourism โดยนโยบายดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของรัฐบาล อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”  

 “บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจสุขภาพค่อนข้างมาก เนื่องจากมีแผนการส่งเสริมจากภาครัฐที่ชัดเจน ผนวกกับการวางนโยบายแผนงานตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap) ของบริษัทฯ ที่ต้องการรุกธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income ) ให้มีสัดส่วนของกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 50% เมื่อเทียบกับกำไรของธุรกิจทั้งหมด โดยโครงการ รักษ (รักษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชียนี้ ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะตอกย้ำความสำเร็จของวิสัยทัศน์ ที่ทีมบริหารได้ตั้งเป้าเอาไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว” นายวรสิทธิ์ กล่าว  

 ด้าน นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงไลฟ์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการรักษ ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม กล่าวว่า โครงการ รักษ (รัก-ษะ) เป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ตั้งอยู่ในพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์เชิงป้องกันแบบองค์รวม ที่ครอบคลุมในทุกๆ ศาสตร์ ทุกมิติ ผสมผสานระหว่างการนำเอาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้มาตรฐานสากลมาใช้ร่วมกับศาสตร์การแพทย์ แบบองค์รวม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง นับเป็นการบูรณาการแบบองค์รวมแห่งแรก  ในประเทศไทยและในเอเชีย โดยลักษณะการให้บริการจะจัดเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพโดยมีตั้งแต่โปรแกรมตรวจเช็คสุขภาพ (Wellness Screening) ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทต่อท่าน และแพ็กเกจแบบ 3 วัน จนถึง  14 วัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ด้วยโปรแกรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น การดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร (Gut Health) การเสริมภูมิคุ้มกัน (Immunity Booster) การดูแลน้ำหนัก (Weight Management) หรือการผ่อนคลายความเครียด (De-Stress) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมดูแลสุขภาพและความงาม (Facial and Body Solution) จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย” 

 โดย นางสาวดุษฎี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ รักษ (รัก-ษะ) เพิ่มเติมว่า ตัวโครงการมีการออกแบบภูมิทัศน์ภายใต้คอนเซ็ป “BOTANICAL WELLNESS JOURNEY” ที่อุดมไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพทางกาย ใจ เน้นการใช้ธรรมชาติบำบัด โดยสร้างพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ใหญ่มากกว่า 3,500 ต้น ภายในโครงการ และนอกจากเรื่องทรีทเม้นท์เพื่อการดูแลสุขภาพแล้ว อาหารการกินตลอดจนการอยู่อาศัยก็นับเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ดี โดยโครงการเปิดให้บริการห้องพักฟื้นอยู่ที่ 27 ห้อง ในเดือนธันวาคม 2563 นี้  นอกจากนี้ภายในโครงการประกอบด้วยห้องอาหาร  อู่ข้าว และ อู่น้ำ ซึ่งสื่อถึงเรื่องความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของการกิน โดยอาหารที่จะเสิร์ฟนั้นจะมีทีมนักโภชนาการคอยให้คำแนะนำ เพื่อให้การรับประทานอาหารเป็นไปเพื่อเสริมสร้างสุขภาพหรือเพื่อต้านการอักเสบของร่างกาย นอกจากนั้นยังมีเวิร์กช็อปและกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอีกด้วย   

 VitalLife Scientific Wellness Clinic 

VitalLife Scientific Wellness Clinic ในโครงการ รักษ มอบการดูแลสุขภาพผ่านแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อให้เข้าใจสุขภาพของตนเองอย่างแท้จริงและทราบถึงจุดที่ควรปรับปรุง โดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพันธุกรรม ฮอร์โมน หรือ ไมโครนิวเทรียนท์ ไปจนถึงการตรวจโอกาสการเกิดมะเร็ง ข้อมูลที่ได้นี้จะนำไปรวบรวมเพื่อให้แพทย์ ผู้ดูแล เทรนเนอร์ นักกายภาพบำบัด และนักโภชนาการ ออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพ ได้อย่างตรงจุด เพื่อป้องกันโรค ชะลอวัย ช่วยเรื่องการนอนหลับ พัฒนาศักยภาพของร่างกาย และดูแลระบบการย่อยและระบบสมอง รวมทั้งใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ไอวี นิวเทรียนท์ ไครโออินฟราเรดซาวน่า การบำบัด ด้วยแสงและพลาสมาเธอราพี   

 RAKxa Jai – Holistic Wellness Centre 

ที่ รักษ แพทย์ของ VitalLife จะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งการบำบัดสาขาต่างๆ และใช้ทรีทเมนต์ ที่ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผสมผสานศาสตร์แห่งการบำบัดหลากหลายแขนง ทั้งการแพทย์แผนจีน การแพทย์แผนไทย อายุรเวท และการใช้พลังงานบำบัด เพื่อดูแลสุขภาพในแบบที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ RAKxa Jai ยังมี สปาที่มาพร้อมกับวิวทะเลสาป ประกอบไปด้วยห้องทรีทเม้นต์เพื่อให้บริการการนวด ทรีทเมนต์ และการบำบัดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโซนธาราบำบัด เช่น ห้องอบไอน้ำสมุนไพรที่ใช้สมุนไพร จากสวนรอบๆ ห้องซาวน่าอินฟราเรด ไอซ์มูนชาวเวอร์ และสระน้ำอุ่นและเย็น   

 RAKxa Gaya – Medical Gym 

Medical Gym (ศูนย์ออกกำลังกายเชิงการแพทย์) มีทั้งนักกายภาพบำบัดและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์ร่างกายของลูกค้าแต่ละท่าน ด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ซึ่งถูกใช้ในวงการนักกีฬา มืออาชีพระดับโอลิมปิคทั่วโลก โดยทีมงานจะใช้เทคโนโลยีนี้ประกอบกับศาสตร์แห่งการแพทย์และวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่อยู่บนพื้นฐานของการแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายและฝึกกล้ามเนื้อและประสาท 

นายวรสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่ มั่นคงฯ เป็นบริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ โครงการ รักษ (รักษะ) นอกจากการพัฒนาโครงการดังกล่าวเพื่อเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจตามแผนแม่บทแห่งชาติแล้ว ในขณะเดียวกันเราให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชมในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมกับทางชุมชนในการส่งเสริมให้คนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจด้านการดูแลสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ การเข้าไปช่วยพัฒนาเพิ่มพื้นที่สีเขียว การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คนในพื้นที่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างให้เกิดความเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) 

 โครงการ รักษ (รักษะ) จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 ตามแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ ที่ได้ตั้งไว้ โดยมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยดันกำไรของธุรกิจ Recurring Income เป็น 50:50 ได้ใน 2564 อย่างแน่นอน สำหรับก้าวต่อไปของบริษัทฯ ตามแผนธุรกิจอีก 5 ปีในเฟส 2 จะเดินหน้าพัฒนาและผลักดันธุรกิจที่ได้สร้างขึ้นไว้ให้เต็มประสิทธิภาพ ในทุกมิติของการดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวรสิทธิ์   กล่าวทิ้งท้าย  

www.mitihoon.com