เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์  จับมือ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) จัดงาน “ Italian Weeks 2020” ชวนช้อปสินค้าอาหารส่งตรงจากอิตาลี

121

มิติหุ้น – เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 152 ปี ของสัมพันธภาพทางการทูตและทางการค้าระหว่างอิตาลีกับประเทศไทย พร้อมเติมเต็มความคิดถึงสำหรับผู้ที่หลงใหลในอาหารและวัฒนธรรมของประเทศอิตาลี เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ฟู้ดสโตร์ชั้นนำของไทย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล  จับมือ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) จัดงาน Italian Weeks 2020”  ส่งตรงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศอิตาลี กว่า 1,600 รายการ  อาทิ Di Martino  Dolce & Gabbana, Rustichella pasta,  Ferrarini Ham แฮมชื่อดังจากอิตาลี,   Il Boschetto น้ำมันมะกอกบริสุทธ์ และ Venchi Chocolate ช็อคโกแลตชื่อดังที่มีประวัติมายาวนานกว่า  140 ปี  มาให้ช้อปกันเต็มที่ ตั้งแต่วันที่ 9 – 22  กันยายน 2563  ณ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา เป็นการคิกออฟงานแรก ภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและสานความสัมพันธ์   ไทย – อิตาลี ภายใต้แคมเปญ “Central Retail Loves Italy”  ซึ่งเป็นหนึ่งในการสร้างโอกาสให้กับสินค้าอาหาร – เครื่องดื่มนำเข้าจากอิตาลีให้ผู้บริโภคชาวไทยรู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น  ภายในงานได้รับเกียรติจาก  ฯพณฯ ลอเรนโซ  กาลานติ เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย, สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการ     ที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด, สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ฟู้ด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล และ จูเซปเป ลามัคคิอา ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์     อิตาเลียนประจำประเทศไทย ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ฟู้ด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล    รีเทล กล่าวถึงที่มาการจัด เทศกาลอาหารอิตาเลียน “Italian Weeks 2020” ว่า  “บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ อันดีทางธุรกิจและความร่วมมือด้านส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าอาหาร -เครื่องดื่ม พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อฉลองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศอิตาลีอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะในปีนี้  ที่บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือ กับ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA)  ภายใต้แคมเปญ  “Central Retail Loves Italy”  ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 – กันยายน 2564 โดยบริษัทฯ จะมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย จำหน่ายสินค้าจากประเทศอิตาลีผ่านรูปแบบ Omni channel เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ทั้งที่ร้านท็อปส์ มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ ออนไลน์  พร้อมสร้างการรับรู้ ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า“Made In Italy” ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น     สำหรับกิจกรรมแรกที่เกิดขึ้น ได้แก่  เทศกาลอาหารอิตาเลียน “Italian Weeks 2020 ” ตั้งแต่วันที่ 9-22  กันยายน 2563  ที่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 11 สาขา  ได้แก่ ชิดลม, เซ็นทรัลเวิลด์, บางนา, อีสต์วิลล์, เดอะคริสตัล,เชียงใหม่, พัทยาบีช,ภูเก็ตเฟสติวัล,ภูเก็ตฟลอเรสต้า,ภูเก็ตป่าตอง,ปอร์โต เดอ ภูเก็ต และ ท็อปส์ ออนไลน์      โดยรวบรวมสินค้านำเข้าส่งตรงจากประเทศอิตาลีกว่า 1,600 รายการ และเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ กว่า 300 รายการ อาทิ พาสต้าสำเร็จรูปแบรนด์ Di Martino  Dolce & Gabbana, Rustichella pasta,  Ferrarini Ham แฮมชื่อดังจากอิตาลี, Il Boschetto น้ำมันมะกอกบริสุทธ์ และ Venchi Chocolate ช็อคโกแลตชื่อดังที่มีประวัติมายาวนานกว่า 140 ปี ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านฟู้ด  รีเทล ของบริษัทฯ อีกทางหนึ่งด้วย”

ด้าน  ฯพณฯ ลอเรนโซ กาลานติ เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ประเทศอิตาลีและประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันดีงามมาช้านานและมั่นคง มีความร่วมมือกันในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม วันนี้พวกเราได้มีก้าวใหม่แห่งความร่วมมือกับ เซ็นทรัลรีเทล จึงเป็นหนทางอันยอดเยี่ยมในการเฉลิมฉลองครบรอบ 152 ปี ของสัมพันธภาพทางการทูตและทางการค้าระหว่างอิตาลีกับประเทศไทย”

ปิดท้ายด้วย จูเซปเป ลามัคคิอา ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ฝ่ายส่งเสริมการค้า แห่งสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) กล่าวว่า “การลงนามในข้อตกลงกับเซ็นทรัล รีเทลครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพิ่มพูนความรู้และภาพลักษณ์ของสินค้า “Made In Italy” ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เป็นกลยุทธ์ใหม่ที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการค้าทั้งในรูปแบบร้านค้าและช่องทางออนไลน์ การอุปโภคบริโภคสินค้าทั้งแบรนด์ที่มีอยู่ในตลาดและแบรนด์ใหม่ ล้วนเป็นสินค้าคุณภาพยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสินค้าอาหารและเครื่องดื่มของอิตาลี ที่มุ่งเน้นถึงรสชาติและวิถีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนาน คำนึงถึงสุขภาพ และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยต่อผู้บริโภค”

www.mitihoon.com