ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายวานว่า บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS โดย “บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า BDMS เป็นหนึ่งใน รพ.ที่รับประโยชน์มากสุด จากการที่ ครม.อนุมัติ เปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ซึ่งมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1)เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาวภายในประเทศไทย,2) ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน (ALSQ)
3) มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก (ASQ) ภายในประเทศไทย โดยมองว่า BDMS เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่รับประโยชน์มากสุด ซึ่งนอกจากบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้กว่า 30% จากลูกค้าต่างประเทศ BDMS ได้เข้าร่วมโครงการกับรัฐ ในการใช้สถานที่โรงพยาบาลเป็นที่กักตัว Alternative State Quarantine ผ่าน โรงพยาบาลในเครือของบริษัท 30 โรงพยาบาล และ 1 รีสอร์ท (Movenpick) โดยก่อนหน้านี้หลังคลาย lockdown ได้รับต่างชาติกลุ่มแรกที่เข้าไทย โดยเน้นที่ลูกค้า จากกัมพูชา พม่า จีน ซึ่งหากภาครัฐมีการเปิดรับ Special Tourist VISA (STV) จะเป็นผลบวกต่อบริษัทโดยตรง
ส่วนแนวโน้มผลงานช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มฟื้นตัว หลักๆจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ โดยจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการในเดือน ก.ค ใกล้เคียงกับเดือนมิ.ย ที่ติดลบราว 20% ขณะที่แนวโน้มในเดือนส.ค หลังคลาย lockdown เริ่มกลับมาใกล้เคียงระดับปกติ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ส่วนลูกค้าต่างประเทศ เริ่มกลับมาบางส่วน ผ่าน Alternative State Quarantine ของ BDMS
ดังนั้นทั้งปี 63 ประมาณการกำไรปกติที่ 6,292 ล้านบาท ปรับลดลง 37% จากปีก่อน ขณะที่ปี 64คาดว่ากำไรจะฟื้นตัว 51%เป็น 9,495 ล้านบาท จากสถานการณ์ COVID-19 จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะกลับมาใช้บริการมากขึ้น ขณะที่บริษัทมีกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าประกันมากขึ้นต่อเนื่อง
โดยฝ่ายวิจัยปรับคำแนะนำ “เก็งกำไร” เป็น “ซื้อ” มองว่าผลประกอบการ “ผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว” คาดผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นในครึ่งปีหลัง และจะกลับมาเติบโตในปี 64 หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ซึ่งหลังผ่านช่วง COVID-19 BDMS จะกลับเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไรอีกครั้ง เนื่องจากผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว และจะบรรลุเป้าหมายขยายโรงพยาบาลครบ 50 แห่ง ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานในปี 64 ที่ 24.30 บาท อิงวิธี DCF ที่ส่วนลด WACC ที่ 7%
www.mitihoon.com