ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- พายุเฮอริเคน Sally พัดผ่าน Gulf of Mexico ของสหรัฐฯ ส่งผลให้แหล่งผลิตน้ำมันปิดดำเนินการประมาณ 500,000 บาร์เรลต่อวัน (27% ของปริมาณการผลิตรวมที่ Gulf of Mexico และแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติปิดดำเนินการ 760 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (28%)
- การประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 17 ก.ย. 63 ที่ประชุมมีมติจะเข้มงวดในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดปริมาณการผลิต และจะพยายามกดดันผู้ที่ไม่สามารถลดปริมาณการผลิตได้ตามข้อตกลงในเดือน พ.ค. – ก.ค. 63 ให้ลดปริมาณการผลิตเพื่อชดเชย โดยเริ่มในเดือน ก.ย. – ธ.ค. 63 ทั้งนี้ กลุ่ม OPEC+ มีแผนจะจัดการประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 19 ต.ค. 63
- Goldman Sachs คาดการณ์ปริมาณสำรองน้ำมันดิบโลกจะเริ่มลดลงตั้งแต่เดือน ก.ย. 63 และอุปสงค์จะสูงมากกว่าอุปทาน 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในไตรมาสที่ 4/63 และคาดการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ Brent ในปี พ.ศ. 2563 ที่ 44.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และในปี พ.ศ. 2564 ที่ 59.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ WTI ในปี พ.ศ. 2563 ที่ 40.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และในปี พ.ศ.2564 ที่ 55.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- สำนักวิเคราะห์ด้านพลังงาน Rystad Energy คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในปี พ.ศ. 2563 จะหดตัวจากปีก่อน 10.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (คาดการณ์ครั้งก่อนคาดว่าจะหดตัวจากปีก่อน 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และในปีพ.ศ. 2564 คาดว่าจะขยายตัวจากปีนี้ 6.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อน 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
สัปดาห์นี้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 39-44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ให้จับตาพายุบริเวณ Gulf of Mexico ของสหรัฐฯ หลังจากสิ้นสุดพายุเฮอริเคน Sally และบริษัทน้ำมันกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง แต่ล่าสุดศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ พยากรณ์ว่าพายุ Beta จะโจมตีชายฝั่งรัฐ Texas ตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าพายุโซนร้อน Beta จะมีระดับความเร็วลมเพียง 120 กม./ช.ม. ด้านบริษัท Royal Dutch Shell ตัดสินใจยุติการดำเนินการและอพยพพนักงานจากแท่นขุดเจาะ ขณะที่บริษัท BP บริษัท Hess และบริษัท Murphy Oil อยู่ในภาวะเฝ้าระวังแต่ยังดำเนินการผลิตต่อเนื่อง
หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
www.mitihoon.com