SAWAD อัพกำไรรับดอกเบี้ยหด รายได้พุ่งประกันมาแรง (23/09/63)

295

มิติหุ้น – SAWAD เล็งรับผลดีแบงก์ชาติจ่อลดดอกเบี้ย 0.25 % คาดหนุนกำไรเพิ่ม 1.5 % ไม่กระทบโควิด-19 แถมเร่งพัฒนาระบบ IT ลดต้นทุนทดแทนคน แถมยังได้ผลดีรายได้จากการขายประกันภัยพุ่งแรง-สินเชื่อ Land for Cash โบรกมั่นใจพอร์ตสินเชื่อโต 15 % เคาะเป้า 62บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย ภายใต้เครื่องหมายบริการ “ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ” โดยแหล่งวงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายช่วงครึ่งหลังอีก 1 ครั้งประมาณ 0.25 % คาดจะส่งผลดีต่อกำไรสุทธิของ SAWAD ราวๆ 1.5 % (ทุกๆการปรับลดดอกเบี้ย 10 basis points ส่งผลต่อกำไร SAWAD เพิ่มขึ้น 0.5 %) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นชัดจนช่วงปี 64 ที่ SAWAD จะมีหุ้นกู้ที่ครบอายุราว 3.9-4 พันล้านบาท (แบ่งเป็นช่วงเดือน ก.พ.64 จะครบจำนวน 2,350 ลบ.และส.ค.จะครบ 1,600 ลบ.) นอกจากนี้ช่วงครึ่งหลัง สัญญาณเริ่มฟื้นตัวเนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน และที่สำคัญรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าขายประกันภัยปรับตัวดีขึ้นและจัดเป็นกลุ่มที่มียิลด์สูง เช่นเดียวกับกลุ่มสินเชื่อ Land for Cash ที่สามารถคิดดอกเบี้ยสูงสุดถึง 36 %ต่อปี

ครึ่งหลังดีมานด์พุ่ง

ด้านบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า คาดความต้องการสินเชื่อช่วงครึ่งหลังปี 63 ดีกว่าช่วงครึ่งแรก และ SAWAD ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มาก ประกอบกับ มาตรการเงินอุดหนุนจากภาครัฐเริ่มหมดลง ดีมานด์สินเชื่อจะเริ่มมีมากขึ้นตามมา จึงคาดว่าสินเชื่อทั้งปีจะเติบโตราว 15 %(พอร์ตสินเชื่อปี 62 ราว 3.6 หมื่นลบ.) และส่งผลให้ SAWAD มีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 4,210 ล้านบาท เติบโต 12  %  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงแนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย 62 บาท/หุ้น(Upside 26.5% อิงราคาปิด 22ก.ย.63)

เร่งขายประกันภัยปั๊มยอด

นอกจากนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ ธปท.ที่มีกำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถไม่เกิน 24 % สำหรับสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 63 ทำให้บริษัทหันไปจับมือกับพันธมิตร ไต้หวันพัฒนาระบบ IT หากเสร็จสมบูรณ์คาดจะลดพนักงานลงราว 10 % ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก นอกจากนี้บริษัทยังรุกขายประกันเพิ่มรายได้ช่วงครึ่งหลังได้มากกว่าช่วงครึ่งแรกที่มีรายได้ราวกว่า 260 ล้านบาทอีกด้วย

เน้นเติบโตจากสาขาใหม่

ด้านนางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร เปิดเผยว่า บริษัทยังเน้นการเติบโตจากการขยายสาขาใหม่ และจากสาขาเดิมซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ราว 4,100 สาขา จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 4,080 สาขา ซึ่งหากไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทก็จะเร่งเพิ่มสาขาให้ได้ตามเป้าอีก 200-300 สาขาช่วงครึ่งหลังปีนี้ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้บริษัทจะอยู่ที่ระดับ 5 % ส่วนหนึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS9)

www.mitihoon.com